เรื่องเล่าในคลาสของผม…

ปกติในคลาส ผมจะสอนให้ทำคอนเทนต์ประเภทหนึ่ง ผมตั้งชื่อว่า “ฮีโร่คอนเทนต์”  ฮีโร่คอนเทนต์เป็นคอนเทนต์ที่เรา มีจุดมุ่งหมายว่าเรายิงออกไปแล้ว และจะทำให้คอนเทนต์นี้ มีคนแชร์เยอะ ๆ แต่ในขณะที่คนแชร์เหล่านั้น ต้องเป็นคนที่ถูกกลุ่มเป้าหมายด้วย และมันควรจะต้องเกิดผลประโยชน์กับธุรกิจเรา ในระยะสั้น กลาง ยาวด้วย อันนี้คือความหมายของฮีโร่คอนเทนต์แบบคร่าว ๆ

ทีนี้ลูกศิษย์ท่านนี้ก็เรียนไป แล้วก็ไปทำฮีโร่คอนเทนต์ เวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากจบคอร์ส ลูกศิษย์ท่านนี้ก็ทักเข้ามาหาผมแล้วบอกว่า “ดีใจมากเลยนะครับ ทำคอนเทนต์ได้ประมาณ 3,000 แชร์”

ซึ่งในคลาสผมต้องเรียนตามตรงว่า การทำฮีโร่คอนเทนต์ ผมสามารถสอนได้ก็จริง แต่ว่าการที่จะทำให้ได้จริง ๆ มันไม่ง่าย เป็นไปได้นะ แต่ว่าไม่เรียบง่าย เพราะว่าเราต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะ แล้วก็ต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจในตัวลูกค้าในการทำคอนเทนต์ ให้มันเกิดการเป็นฮีโร่คอนเทนต์อย่างที่ผมว่า ดังนั้น

ไม่ใช่ทุกคนทำได้ แต่ว่าเป็นไปได้ที่จะทำได้ทุกคนถ้าตั้งใจ ต้องย้ำ!! อย่างนี้นะ ลูกศิษย์ท่านนี้ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ท่าน ในรุ่นนั้นที่สามารถทำได้ ก็คือได้ 3,000 กว่าแชร์ แต่ปัญหาก็คือว่าลูกศิษย์ท่านนี้ก็พิมพ์มายาวเลย แล้วก็ถามมาหนึ่งประโยคว่า

“คุณเบิร์ด ผมได้ตั้ง 3,000 แชร์ แต่ว่าไม่มีคนถามที่จะซื้อของเลยแม้แต่คนเดียว อันนี้มันเป็นเพราะอะไร?”

ผมบอกได้คร่าว ๆ ว่าคอนเทนต์นี้คืออะไรนะ ก็คือเป็นคอนเทนต์ที่เป็น 50 ทรงผม สำหรับนักศึกษาผู้หญิงที่จะรับปริญญา ผมจำแคปชั่นหัวข้อได้ไม่เคลียร์แล้ว แต่ว่าเนื้อหาประมาณนี้ อันนี้ก็คือเป็นคอนเทนต์ที่เขาทำออกไป ยิงออกไปปุ๊ป ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือว่ามีคนแชร์คอนเทนต์ ค่อนข้างเยอะก็คือ 3,000 กว่าแชร์ และคนส่วนใหญ่ที่แชร์ก็พบว่าเป็นนักศึกษาผู้หญิง ซึ่งก็แปลว่าการแชร์ไปตรงนั้นเนี่ย มันค่อนข้างจะตรงกลุ่ม แต่ว่าปัญหาเดียวที่มีก็คือ ทำไมไม่มีคนถามที่จะซื้อของหรือว่าใช้บริการ เขาเป็นธุรกิจแต่งหน้ารับปริญญา รับแต่งหน้าทำผมอย่างนี้ ก็อยากจะให้คนมาถามใช่ไหม แต่ปรากฎว่าไม่ค่อยมี ยิงไปก็ตรงกลุ่มคนแชร์ก็เยอะ เพราะอะไร?

ผมจะอธิบายอย่างนี้นะ ลูกค้าที่อยู่ใน Facebook ต้องเรียนกันตามตรง ใช้คำพูดตรง ๆ ว่าสมาธิค่อนข้างจะสั้น คือ เรามีเรื่องที่จะสนใจเยอะแยะมากมายในวัน ๆ หนึ่ง ดังนั้น การที่สมาธิสั้นไม่ใช่คำว่า แต่มันเป็นพฤติกรรมปกติ แล้วก็เป็นจิตวิทยาที่คนปัจจุบันเป็น ตัวผมก็เป็นเหมือนกันเวลาเล่น Facebook เรามีเรื่องที่สนใจเราก็เลื่อน Feed ไปอย่างรวดเร็ว

จริง ๆ แล้วมันมีสถิติว่า เวลาคนเลื่อนดูคอนเทนต์ใน Facebook มีเวลาแค่ 1.7 วินาที ที่เขาจะหยุดดูคอนเทนต์คุณ แล้วเขาจะตัดสินใจว่าเขาจะดูต่อหรือเขาจะเลื่อนผ่านไปเลย จริง ๆ ลึก ๆ ผมเชื่อว่ามันเร็วยิ่งกว่านั้นอีก โดยพฤติกรรมผมเคยสำรวจตัวเองนะ ผมจะเลื่อนดูในมือถือ ผมจะเจออะไรที่มันน่าสนใจ ภายในเสี้ยววินาทีผมก็จะหยุด ตรงนั้นแหละผมหยุดแค่ 1.7 วินาที แล้วก็เลื่อนต่อ แล้วก็เลื่อน ๆ ๆ อีก แล้วก็เจอภาพแว้บ ๆ ถ้าน่าสนใจผมจะกดดูต่อ กดอ่านแคปชั่น กดอ่าน see more เพื่ออ่านรายละเอียด กดอ่าน top comment แต่ถ้าไม่น่าสนใจผมก็จะเลื่อน ๆ ไม่รู้ว่าทุกท่านเป็นเหมือนกันหรือเปล่าแลกเปลี่ยนกันได้

แต่จากที่ดูสถิติของ Facebook สิงคโปร์ ที่สำรวจตลาดไทย เขาบอกว่านี่แหละ ประมาณ 1.7 วินาที ดังนั้น จะเห็นว่าเวลาที่ คนใช้พิจารณาคอนเทนต์คุณต่ำมาก อย่าใช้คำว่าพิจารณาเลยดีกว่า เรียกได้ว่า ดูผ่าน ๆ ดังนั้น เวลาคุณจะทำคอนเทนต์อะไร คุณต้องเคลียร์มาก ๆ ว่าคุณอยากได้อะไร

ผมเลยแบ่งคอนเทนต์ออกเป็น 4 เด้ง

เด้งที่ 1 คือ การทำคอนเทนต์ ให้คนจำแบรนด์คุณได้ แล้วการจำแบรนด์ได้นั้น มันไม่ได้น่าสนใจมากนัก จนคนอยากจะแชร์ของคุณเยอะ ๆ นั่นแปลว่าถ้าคุณจะทำให้เขาจำได้ คุณต้องยิงโฆษณา อันนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ๆ เพราะมันไม่ได้น่าสนใจมากใช่ไหม คุณต้องอาศัยความถี่ในการทำให้คนจำได้ อันนี้ผมเรียกว่าคอนเทนต์ 1 เด้ง

เด้งที่ 2 นอกจากคอนเทนต์เราจะทำให้คนจำได้ และรู้คุณค่าของแบรนด์เราด้วยแล้ว ยังทำให้คนแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก คำว่าแชร์มาก ต้องลงรายละเอียดกันอีก แต่ว่าผมจะไม่ลงในคลิปนี้ ที่จริงผมพูดเรื่องนี้ ไว้ใน live หลายตัวแล้วลองไปไล่ดูได้ ในแฟนเพจของผม (Fanpage : pakorn.in.th) แต่ว่าเอา concept คร่าว ๆ ก็คือ คอนเทนต์นี้นอกจากจะทำให้ คนรู้จักแบรนด์เราแล้วจำแบรนด์เราได้แล้ว ยังมี “พลังทวี”

ผมใช้คำว่าเป็น “พลังทวี” ก็คือใช้ศักยภาพ ของ Facebook ทำให้คนแชร์เยอะ ๆ  เนื่องจากคอนเทนต์น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย อันนี้เป็นลักษณะหนึ่งของการทำให้คนแชร์ อันนี้ผมใช้คำว่าเด้งที่ 2 นะ เป็น “พลังทวี” ทำให้คนแชร์เยอะ พอทำให้คนแชร์เยอะได้ มันก็จะส่งผลให้ Brand awareness เรา มันทวีคูณเป็นร้อยเท่าพันเท่า เพราะว่าการแชร์นั้น เพื่อนเขาก็จะมีเพื่อนอีก 500-1,000 คน ก็จะได้ reach ในจำนวนที่มาก แล้วก็คนส่วนใหญ่ก็จะมีสังคมแบบเดียวกัน ดังนั้น การแชร์ไปเราก็จะได้คนประเภทเดียวกัน สมมติว่าเราทำให้สาว ๆ รับปริญญาแชร์ได้ เขาก็จะมีเพื่อนรับปริญญาเหมือนกันถูกไหม อันนี้มันก็จะเป็นคอนเทนต์ 2 เด้ง

เด้งที่ 3  คือ ทำให้เราได้ยอดขายแทบจะในทันที ทำให้ได้ยอดขายนี่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่แทบจะได้ในทันทีหมายความว่าอะไร หมายความว่าในหลาย ๆ ครั้ง มันจะไม่ได้ยอดขายทันที คุณต้องเข้าใจว่าเขามีระยะเวลา ในการตัดสินใจซื้อเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับของที่คุณขายอีกนะ แล้วก็อยู่กับแทคติกที่คุณใช้ด้วย

แต่เบื้องต้นคนส่วนใหญ่ ไม่สามารถตัดสินใจได้ในครั้งแรก มีหรือที่เวลาคุณไปซื้อของคุณเห็นโฆษณา มีกี่ครั้งที่คุณเห็นโฆษณาครั้งแรก คลิกปุ๊บ ซื้อปั๊บ คุณถามตัวเองดูว่ามีในชีวิตคุณกี่ครั้ง ถ้าคำตอบคุณคือส่วนใหญ่ “ไม่” ผมก็บอกได้ว่า ส่วนใหญ่ในตลาดมันก็ “ไม่” เหมือนกัน ดังนั้น มันได้ยอดขายแต่ว่ามันอาจจะไม่ทันที แต่ว่าจุดประสงค์ของ คอนเทนต์ประเภทนี้คือเน้นยอดขาย

คอนเทนต์ 4 เด้งสำหรับ ผมก็คือ “เกิดเอฟเฟคทั้ง 3 เรื่อง”

1.คนจำแบรนด์เราได้

2.เกิดพลังทวีคือคนแชร์เยอะ

3.ทำให้คนซื้อของเราได้ด้วย

คอนเทนต์ 4 เด้งถามว่าทำยากไหม ผมบอกเลยว่าจากประสบการณ์ ทำค่อนข้างยาก แต่ว่าเป็นไปได้ไหม เป็นไปได้ และผมเคยทำได้แล้ว ผมมีแชร์ไว้ในไลฟ์ที่เป็น case study ลองไปไล่ดูก็แล้วกันไม่อยากเอามาในคลิปนี้ เป็นเคสที่เป็นคอนเทนต์ลูกค้า ลองไปกดดูเอาเองแล้วกันนะครับ

ดังนั้น คือคอนเทนต์ 4 เด้งก็สรุปแล้วว่า

ทำให้คนจำแบรนด์เราได้ด้วยเกิดพลังทวีด้วย คนแชร์เยอะและสุดท้ายก็ทำให้เราได้ยอดขายด้วย 

อย่างไรก็ตามถ้าเราทำคอนเทนต์ 4 เด้งได้ ดีกับธุรกิจเรามาก ดีกับค่าโฆษณา ดีกับอัตรากำไร แต่ถ้าเราทำถึง 4 เด้งไม่ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องไปฝืนทำได้ก็ดี คุณอาจจะทำ 1-3 เด้ง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ อาทิเช่น คุณไม่ได้สนเท่าไหร่หรอกว่า จะมีคนแชร์ของคุณหรือเปล่า คุณอาจจะบอกว่าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่คุณยังขายของ เงินสดยังเข้ากระเป๋าคุณอยู่ กำไรเป็นบวกในระดับที่คุณพอใจ อย่างนี้แปลว่าคุณเน้นคอนเทนต์เด้งที่ 3 คือคุณอยากได้ยอดขาย

ดังนั้น คอนเทนต์คุณผมบอกไปแล้วว่าคนส่วนใหญ่ มีสมาธิสั้นในการเสพคอนเทนต์ ดังนั้น มองผ่าน ๆ ควรจะต้องรู้เลยว่า คุณกำลังขายของ ผมย้ำคำนี้แล้วนะว่ามองผ่าน ๆ ควรจะต้องรู้ว่ากำลังขายของและกำลังขายอะไรด้วยนะ

บางคนฟังถึงตรงนี้อาจจะบอก มีด้วยหรอทำคอนเทนต์เพื่อขายของ แล้วคนดูแล้วไม่รู้ว่าขายอะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าขายของ ผมบอกเลยว่าจากที่ผมสอนลูกศิษย์มาหลายรุ่น มีอย่างนี้เยอะมากเวลาทำการบ้านมาส่ง คือ ทำคอนเทนต์เสร็จตั้งใจจะขายของ แต่ดูแล้วมันขมุกขมัว ไม่รู้ว่าขายอะไรกันแน่ สองคือดูแล้วไม่รู้ว่าขายอยู่หรือเปล่าอันนี้สำคัญ

วิธีการทำให้รู้ว่าขายอยู่หรือเปล่า ก็คือ ใส่ราคากับโปรโมชั่นลงไปในรูปภาพ อันนี้คือวิธีเบสิกเลยนะ แล้วข้อสำคัญที่คนมองข้ามมาก ก็คือ ต้องใช้คำว่ามือใหม่มองข้าม ก็คืออย่าให้ฟอนต์มันจม อย่าให้ตัวอักษรในภาพ มองแล้วไม่เคลียร์ว่าสื่ออะไร อย่าให้เขาต้องเพ่งสายตา คือ คอนเทนต์ที่เราจะขายของ ตัวราคากับโปรโมชั่น ควรจะต้องมองผ่าน ๆ แล้วมันทิ่มตาเลย คือมันเห็นชัดมากนะ

ดังนั้น ที่ผมพูดมาทั้งหมด กลับไปที่ตัวอย่างที่ลูกศิษย์ท่านนั้นถามผม ทำไมเขาถึงได้ 3,000 แชร์ แต่ไม่มีคนถามซื้อของ เพราะว่าตัวคอนเทนต์นั้นมันมองผ่าน ๆ หรือแม้กระทั่งตั้งใจมองแล้ว มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณขายของ หรือว่ามีบริการอะไรนะ เมื่อเขาไม่รู้เขาก็ไม่มีความต้องการ เมื่อเขาไม่มีความต้องการเขาก็ไม่ถาม

แต่อย่างไรก็ตามมันมีวิธีแก้หลากหลายวิธี หลังจากที่ยิงอย่างนี้ไปแล้ว คือ เราสามารถที่จะยิงโฆษณาแบบตามหลอกหลอน แบบ Retargeting ไปตามคนที่ถูกกลุ่มเป้าหมายและแชร์เยอะแล้ว เพราะว่าเราได้นักศึกษา แชร์ไป 3,000 คนแล้วนะ จากเคสเมื่อสักครู่ เราสามารถยิงบริการของเรา ไปตามคนเหล่านั้นได้ ก็มั่นใจได้เลยว่าถ้าใช้ tactics อย่างนี้ ต้องเกิดยอดขายแน่นอนนะ

ผมเชื่อว่าอย่างไร โอกาสเกิด มากกว่า 70%-80% แน่นอน สำหรับยอดขายในกรณีนี้ ก็หวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์ สำหรับคนที่ทำการตลาดบน Facebook อยู่ ถ้าชอบช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดคอมเมนต์ แลกเปลี่ยนกัน และกดติดตามที่หน้า Fanpage และ Youtube ของผมด้วยนะ เพื่อที่จะไม่พลาดคลิปต่อ ๆ ไป

สวัสดีครับ ^^