ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนน่าจะเห็นข่าวประกาศอย่างเป็นทางการออกมาจากทาง Facebook เรื่อง

source : https://www.facebook.com/business/help/766697140509126

ผมสรุปประเด็นที่ทุกท่านควรจะต้องรู้มาให้ในบล็อคนี้ ดังนี้

1. ประกาศนี้ ใจความสำคัญคืออะไร?

ใจความสำคัญสรุปเข้าใจง่ายๆคือ ทาง Facebook จะจำกัดจำนวน Ad ต่อ 1 Page ไม่ให้มากจนเกินไป ซึ่งคำว่า Ad ที่ว่า นับเฉพาะ Running or in Review ad หมายความว่า นับเฉพาะโฆษณาที่ทำงาน หรือกำลังถูกตรวจสอบอยู่นั่นเอง

นั่นหมายความว่า โฆษณาที่ pause ไปแล้ว delete ไปแล้ว หรือแม้แต่ตั้ง schedule ไว้ แต่ยังไม่ active ก็ไม่นับ

2. กฎนี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่?

16 กุมภาพันธ์ 2021

3. ทำไมต้องมีกฎนี้ออกมาด้วย?

Facebook ให้เหตุผลว่า ปกติเวลายิงโฆษณา ระบบ AI ของ Facebook จะมีการทำสิ่งที่เรียกว่า Machine Learning คือการที่ AI เรียนรู้ Campaign โฆษณาของเราในทุกๆ สัญญาณ ว่ามีสัญญาณ ไหนที่ทำให้โฆษณาได้ผลบ้าง เช่น กลุ่มเป้าหมาย, ช่วงเวลา ฯลฯ

และ 1 ใน Signal ที่สำคัญที่สุดของโฆษณาก็คือ Ad (หรือที่บ้านเราชอบเรียกปนๆกันว่า Content)

ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าใน 1 adset เรามี ad 1 ตัว AI ของ Facebook ก็จะไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ เพราะมันไม่มีตัวเปรียบเทียบ

แต่ถ้าใน 1 adset เรามี ad 2 ตัว AI ของ Facebook ก็จะทำงานได้ดีขึ้น เพราะมันจะคอยเปรียบเทียบให้เรา ว่า ad A หรือ B ดีกว่ากัน สิ่งนี้เรียกว่า A/B testing

หรือถ้าใน 1 adset เรามี ad 3 ตัว AI ของ Facebook ก็จะมีตัวเปรียบเทียบเยอะขึ้น

แต่ๆๆๆ

การที่เรามี ad ใน adset มากเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

ลองนึกภาพตามว่า ถ้าใน adset นั้น คุณมี ad ทำงานอยู่พร้อมกันถึง 10 ตัว และคุณมีงบน้อยมาก แค่ 300 บาทต่อวัน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ad ทั้ง 10 ตัวจะต้องแบ่งๆเงินกันใช้ หมายความว่า เฉลี่ยแล้ว ทุกๆวัน ad แต่ละตัวจะได้ใช้เงินวันละ 30 บาท ซึ่งจะเห็นว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก (ซึ่งอันนี้คือในทางทฤษฎี แต่ในความเป็นจริงมันจะไม่ได้เกลี่ยเท่ากันซะทีเดียว)

นั่นก็จะทำให้ Facebook ใช้เวลานานมาก และต้องใช้งบรวมเยอะมากขึ้น เพื่อจะทดสอบให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ad ตัวไหน ที่ดีจริงๆกันแน่

นั่นเลยเป็นที่มาว่า ทำไม Facebook ถึงจำกัดจำนวนโฆษณาต่อเพจ

เพราะอยากให้ผู้ลงโฆษณา ทดสอบ ad ไม่มากตัวจนเกินไป

4. แล้ว Facebook จำกัดกี่ ad ต่อเพจ?

ตามตารางที่ผมแปะไว้ด้านบน สรุปคร่าวๆว่า ถ้าคุณใช้งบโฆษณา ไม่เกินเดือนละ 3 ล้านบาท!! ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ก็จะจำกัดที่ 250 ad ต่อเพจ

(ซึ่งผมว่า คนที่อ่านส่วนใหญ่น่าจะใช้ไม่เกินใช่ไหมครับ?)

5. วิธีตรวจสอบว่าตอนนี้เรามีกี่ Ad ที่ถูกนับอยู่ ทำยังไง?

ให้เข้าไปที่ Ads manager ของตัวเอง แล้วกดเมนู overview (ตามสัญลักษณ์ด้านซ้ายบนในภาพ) และก็กด Ads ด้านขวา และดูครับว่า Total Ads เราเป็นจำนวนเท่าไหร่?

ตามตัวอย่างในภาพจะเห็นว่า ของผม Total Ads คือ 271 อัน ซึ่งแปลว่า…

เกิน!!!!

เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะ ผมก็เป็นสายทดสอบ​ ad เยอะมากเหมือนกัน

ซึ่งก็เรียนตามตรงว่า ในใจผมก็รู้สึกว่าผมทดสอบเยอะมากเกินไปจริงๆ

เอาเข้าจริง ปัญหานี้ ผมไม่ได้แก้ไขยากอะไร ดีซะอีก จะได้มานั่งจริงจังกับการคัด ad ที่ performance ไม่ดีออกซะบ้าง หลังจากที่ดองไว้มานาน เพราะมัวแต่ไปล้างขวดนมลูก!!

6. ถ้าหากเราใช้ ad เกินอยู่ แล้วถึงกำหนด จะโดนอะไรบ้าง?

Facebook เขียนไว้แค่ว่า… ก็จะเพิ่ม ad และแก้ไขของเดิมไม่ได้ (ซึ่งผมตีความว่า ไม่ได้ปิดโฆษณาที่ active อยู่ของเราโดยพลการ แค่จะเพิ่ม และแก้ไขอีกไม่ได้แค่นั้น)

7. ถ้าหากเราใช้เกินอยู่ มีคำแนะนำยังไงบ้าง?

  1. ยุบบาง Adset รวมกันได้บ้างไหม? เช่น ถ้าหลายๆ adset มีกลุ่มเป้าหมายคล้ายๆกัน และ performance ของโฆษณาใกล้เคียงกัน อาจพิจารณายุบรวมกัน เพื่อลดจำนวน active ad
  2. ลบ หรือ ปิด ad บางตัวออก เช่น
    1. ad ที่ performance ไม่ดี
    2. ad ที่กินเงินน้อยมากๆอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับ ad อื่นใน adset เดียวกัน
  3. ลองใช้ Dynamic Creative แทนดูได้ไหม?
    1. ใครไม่ทราบว่าคืออะไร ลองอ่าน blog นี้เพิ่มเติมครับ ^^
      1. Dynamic Creative ad Facebook คืออะไร?

8. ถ้าทำ ad แยกหลาย account (แต่ใช้เพจเดียวกัน) นับข้าม account ไหม

นับข้าม account ครับ พูดให้ชัดคือ ใช้วิธีนี้ก็โดนอยู่ดี

9. ถ้าอยากใช้ ad เยอะๆ อย่างนั้น เราสร้างขึ้นมา 2 pages เลยดีไหม จะได้ใช้รวมกันได้ 500 ad!!

ผมว่าถ้าจะทำแบบนี้เพราะเหตุผลข้อนี้ ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ เพราะจะกลายเป็น 2 pages ของเรา ก็ยิงโฆษณาไปที่กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน มันก็แข่งกันเองด้วยส่วนหนึ่ง และแทนที่เราจะได้สร้างแบรนด์จริงๆจังๆ เพื่อไปต่อยอดธุรกิจในอนาคต ก็กลายเป็นต้องมาแยกเพจกัน เพราะเหตุผลข้อนี้ ข้อเดียว ผมว่าไม่น่าจะเหมาะครับ


จบละครับ ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นปัญหาอะไรมากมายนะครับ จะมีปัญหากับเฉพาะคนที่ขยันทดสอบโฆษณามากๆๆๆๆ แต่ก็ดีที่ Facebook ประกาศออกมาล่วงหน้า นานมากกกก มีเวลาเตรียมตัวเหลือเฟือครับ และวิธีแก้ปัญหาก็ดูไม่ได้ยากเย็นอะไร อย่างที่ผมได้สรุปไปแล้วครับ ^^

ใครยังมีข้อสงสัย หรืออยากไปอ่านต้นฉบับ ลองไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ