สืบเนื่องจาก blog ที่ผมเขียนก่อนหน้านี้ เรื่อง…
เวลาที่เราจะส่ง Broadcast ใน Facebook เราจำเป็นต้องเข้าใจ Facebook Policy อย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้เพจของเราเกิดปัญหาในภายหลัง
และการส่งข้อความประเภทนึงที่เราต้องใช้บ่อยแน่ๆคือ Subscription message (ท่านใดไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แนะนำให้ไปอ่าน blog ด้านบนก่อนนะครับ ^^)
ส่วนตัวผมเองผมได้ทำการขอ Subscription message ไป 2 แฟนเพจแล้ว ได้แก่ แฟนเพจ
สำหรับเพจ Pakorn.in.th ผมขอไปถึง 6 รอบด้วยกัน กว่าจะผ่าน!
ส่วนเพจ Sunskytour ผมขอไปประมาณ 3 รอบ จึงผ่าน!
ลองมาดู วิธีการขอ request Subscription broadcast message ใน Facebook
ขั้นตอนที่ 1 : เข้าไปที่แฟนเพจคุณเอง คลิกที่เมนู Settings และ Messenger Platform
ขั้นตอนที่ 2 :
การขอสิทธิ์ในการส่ง Subscription message จะมี 4 ส่วนคือ
- ขอ Subscription Messaging (ด้านบน) อันนี้จะเป็นการขอส่ง Subscription messaging แบบองค์รวม ข้อ 1. นี้ ผมเข้าใจว่าสำคัญที่สุด เพราะถ้าไม่ขอ และส่ง broadcast ไป อาจจะผิด policy ได้
- ขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลด้านเพศของลูกค้า (Gender) ถ้าเราอยากจะขอข้อมูลด้านเพศของลูกค้า เราต้องแจ้ง Facebook ว่า จะขอไปทำอะไร?? (ผมแนะนำให้ขอไปก่อน อนาคตอาจจะได้ใช้)
- ขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลด้านภาษาของลูกค้า (Language Locale) เช่นเดียวกัน เราต้องบอก Facebook ว่า เราจะขอข้อมูลนี้ไปทำอะไร (ผมแนะนำให้ขอไว้ก่อนเช่นกัน)
- ขอสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลด้าน Timezone ของลูกค้า อันนี้ผมมองว่าสำคัญมาก ไม่ขอไม่ได้ เพราะเวลาเราใช้โปรแกรมพวกส่ง broadcast ถ้าเราไม่มีข้อมูลนี้ เวลาลูกค้าเดินทางไปต่างประเทศ เราอาจจะส่งไปหาลูกค้า ตอนเวลาที่ไม่สมควรได้ เช่น ตี 2 ตี 3 เป็นต้น และอาจจะทำให้ลูกค้าบล็อคเราได้ ซึ่งจะส่งผลให้ Block rate สูงขึ้น และเป็นสถิติที่ไม่ดีในสายตา Facebook
ขั้นตอนที่ 3 :
พิมพ์อธิบายว่า แฟนเพจของเราเกี่ยวกับอะไร และข้อความที่เราจะส่งเป็นลักษณะยังไง ซึ่งจุดประสงค์ของการอธิบายตรงนี้ เพื่อยืนยันกับ Facebook ว่า เราเข้าใจดีว่า เราจะไม่ส่ง “ข้อความขายของ” ด้วย ข้อความประเภท Subscription message เป็นอันขาด!
และต้องเลือกด้วยว่า ข้อความที่เราส่งจะเป็นข้อความประเภทไหน ระหว่าง ข่าวสาร, การแจ้งเตือนต่างๆ หรือ เป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ที่เรา monitor เค้าอยู่
และด้านล่างสุด เราต้องพิมพ์ตัวอย่างของข้อความที่เราจะส่งจริงให้ลูกค้าอย่างน้อย 2 ข้อความ
ขั้นตอนที่ 4 :
ส่งคำขอข้อมูลของลูกค้าด้าน เพศ, ภาษา และ Timezone
คลิกที่ปุ่ม confirm แล้วกรอกข้อมูลทีละอัน
ขั้นตอนที่ 5 :
กด Submit for Review ด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 6 : รอลุ้นผล… (จากที่ผมลองมามากกว่า 10 ครั้ง ส่วนมากรอไม่เกิน 6-12 ชั่วโมงครับ)
ขั้นตอนที่ 7 : ส่งให้ตรวจใหม่! (ในกรณีไม่ผ่าน)
ตรงนี้หลายท่านอาจจะมีคำถามว่า ส่งไปแบบไม่ผ่านบ่อยๆเป็นอะไรมั๊ย
จากที่ผมลองมา ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยครับ ส่งรัวๆได้เลย ถ้าไม่ผ่านก็ส่งอีก ถ้าผ่านมันก็จะขึ้นว่าผ่านครับ ลองดูรูปว่าผ่าน กับไม่ผ่านด้านล่างครับ (ดูตรง Gender, Language Locale และ Timezone ด้วยนะครับ ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน)
ถ้าไม่ผ่าน เป็นยังไง??
ถ้าผ่านเป็นอย่างนี้!!
จะมีเครื่องหมายติ๊กถูกข้างซ้ายครับ (ตรง Gender, Language Locale และ Timezone ก็เช่นเดียวกันนะครับ)
ตัวอย่างของการอธิบาย ที่ผ่าน!
Gender : ผมอธิบายเค้าว่า ผมคือบริษัท Agency ท่องเที่ยว ผมต้องการรู้ว่าลูกค้าเพศอะไร เพราะต้องการจะส่งข้อมูลที่ตรงกับเพศ เพื่อประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีกว่า
ส่วนตัวผมแอบรู้สึกว่า อธิบายกว้างพอสมควร แต่ก็ผ่านแฮะ 55+
Language Locale : ผมอธิบายว่า ลูกค้าผมมีอยู่หลายประเทศทั่วโลก ผมจึงต้องการส่งข้อความที่ตรงกับภาษาของเค้า
แต่เอาจริงๆ ผมมีแต่ลูกค้าคนไทยนะครับ อันนี้โม้ๆไป แต่ก็ผ่าน!!
Timezone : ผมอธิบายไปกว้างๆว่า ผมอยากจะใช้ Timezone เพราะต้องการจะส่งข้อความไปหาลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม ไม่อยากทำให้เค้าตื่นขึ้นมากลางดึก! ปรากฎว่า ผ่าน!!!! 😀
Subscription message : อันนี้ผมส่งเป็นภาษาอังกฤษอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ผ่าน!
เลยลองเปลี่ยน Facebook ตัวเองเป็นภาษาไทยก่อน เพื่อให้เมนูการขอตรงนี้เป็นภาษาไทย
และผมก็ลองพิมพ์ส่งไปขอแบบเป็นภาษาไทยไปเลยครับ
ปรากฎว่า ผ่าน!!! เย้!
ตัวอย่างของการอธิบายที่ ไม่ผ่าน!
เอาจริงๆผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุผลที่ไม่ผ่านของข้อความอธิบายด้านล่างคืออะไร ฉะนั้นดูอันที่ผ่านแล้วลองส่งไปคล้ายๆกับของผมดูละกันนะครับ 55+
เกร็ดความรู้สุดท้าย แต่สำคัญมาก! ต้องอ่าน
สำหรับเพจ Pakorn.in.th ที่ผมขออยู่ 6 ครั้ง กว่าจะผ่าน
ครั้งสุดท้ายที่ผ่าน ผมได้ลองแชทสอบถามเจ้าหน้าที่ Facebook ด้วยนะครับ
เจ้าหน้าที่ Facebook สามารถให้คำตอบกับเราในเรื่องนี้ได้ด้วย ลองดูที่ผมคุยในภาพนะครับ
สุดท้าย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า blog นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังจะ broadcast subscription message ใน Facebook นะครับ
ในมุมมองของผม Facebook มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปกป้องรักษาข้อมูลของผู้ใช้งาน ดังนั้น เราอยู่ในแพล็ตฟอร์มของเค้า เราก็ต้องปฎิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดนะครับ เพราะผมคิดว่าพี่มาร์ค เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากแน่ๆ เพราะปี 2018-2019 แกก็โดนเล่นงานเรื่องเหล่านี้ไปหลายกระทงละครับ
ดังนั้นทำตามกฎ ของอนุญาติอย่างถูกต้อง และกระทำอย่างถูกต้อง ผมเชื่อว่าจะเป็นการดีที่สุดครับ