จริง ๆ มันมีหลายมุมมองมาก ๆ อยู่ที่เรามองมุมไหน? “ถ้าเรามองมุมแบบคุ้มไม่คุ้ม” เรื่องความคุ้มก็คือเหมือนเรื่องการลงทุน คือถ้าเราลงแล้วเราได้กำไร เราก็ถือว่าคุ้ม ใช่ไหม? ถ้าเราลงแล้วขาดทุนก็ถือว่าไม่คุ้ม แต่ทีนี้สมมติเราลงแล้วไม่ได้กำไร แต่แบรนด์เราดังขึ้น มีความน่าเชื่อถือขึ้น อย่างนี้เราเรียกคุ้มหรือเปล่า? “บางคนอาจจะบอกว่าคุ้ม” “บางคนอาจจะบอกว่าคำว่าดัง คำว่ามีคนเชื่อถือขึ้น มันจับต้องไม่ได้มันเหมือนลอย ๆ วัดไม่ได้” เราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าเขาเชื่อเราหรือไม่เชื่อเราหรือว่าแบรนด์เราดังแค่ไหน! จริง ๆ มันพอจะมีวิธี แต่ว่าถ้าเราทำแบบเล็ก ๆ มันก็ยากหน่อย ถ้าทำใหญ่ ๆ มันจะมีเครื่องมือวัดความดังเรา ดังนั้น ถ้าเอาเบื้องต้นก่อน ถ้าในมุม SME ถ้าถามผมคือการจ้าง เน็ตไอดอล เราก็ควรคิดว่าครั้งนี้เราจะเอาคุ้มเป็นตัวเงินไหม ถ้าเราจะเอาคุ้มเป็นตัวเงินเดี๋ยวต้องบอกก่อนนะว่า ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง...
ทำออฟไลน์อยู่แล้ว แล้วมาทำออนไลน์ควรเริ่มต้นจากอะไร? ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผมจะบอกข้อได้เปรียบของคนที่เป็นอย่างนี้ก่อน คือเนื่องจากการตลาดออนไลน์ บางคนรู้วิธีทำการตลาดหรือว่าศึกษาวิธีทำการตลาดแต่ว่าทำธุรกิจไม่เป็น คนแบบนี้ก็มีนะ ซึ่งแต่ก่อนผมก็เคยเป็นคนอย่างนั้น เพราะว่ามันเริ่มง่าย แค่เปิดเว็บ เอาของลงเอารูปขึ้น หรือเรามี Facebook ตัวเอง เราจะโพสต์อะไรอยากจะขายอะไร มีใครสนใจซื้อบ้าง อันนี้มันก็คือเราทำการตลาดออนไลน์แล้ว แต่ว่าเนื่องจากมันเริ่มง่าย แต่เขาไม่รู้วิธีการทำธุรกิจอื่น ๆ หรือว่าไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐาน เกี่ยวกับสินค้าตัวเองว่า “ลูกค้าเขาอยากซื้อเพราะอะไร” “คนแบบไหนที่มักจะกลายเป็นลูกค้าเรา” แบบนี้เขาจะเสียเปรียบเรา เพราะว่าคนที่ทำออฟไลน์แสดงว่าคุณเคยขายของอยู่ที่หน้าร้านคุณอยู่แล้ว หรือว่าคุณเคยขายของด้วยวิธีออฟไลน์อยู่แล้ว เช่น แบบมีเซลล์วิ่งขาย มีคนโทรติดต่อเข้ามาเดินผ่านหน้าร้านเข้ามา หรือว่าไปลงตามนิตยสาร ตามบิลบอร์ด ถ้าเกิดว่าคุณเป็นคนที่ พูดง่าย ๆ ว่าสินค้าหรือธุรกิจคุณ คือ เคยถูกพิสูจน์มาแล้วว่ามันขายได้ คือมีลูกค้าเข้าอยู่แล้ว...
นี่คือคำถามยอดฮิตที่มีคนถามผมในทุกคลาสที่ผมสอน จากประสบการณ์ที่ผมทำออนไลน์มา 8-9 ปี ผมพบว่าคำถามนี้มักจะมาจาก SME ที่ “กำลังเติบโต” หรือ “โตแล้ว” มักจะไม่ค่อยมาจาก “SME ที่พึ่งเริ่มต้น” เหตุผลอาจจะเพราะ SME ที่พึ่งเริ่มต้นขอแค่ขายให้ได้กำไรไปทุกวันในช่วงแรกๆก็พอใจแล้ว แต่ SME 2 แบบแรกนั้นไม่ใช่ เพราะโดยมากจะต้องการ “แผนหรือแนวทางระยะกลาง” เช่น 3 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อที่จะได้วางแผนในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายกับส่วนอื่นๆในบริษัทได้ถูก คำตอบของผมนั้น เอาแบบสั้นๆก็คือ งบค่าโฆษณาควรอยู่ที่ประมาณ 3-10% ของยอดขาย ลูกค้าผมส่วนใหญ่ที่เป็น SME ตัวเลขมักจะอยู่ที่ประมาณนี้ สมัยก่อนผมตั้งคำถามกับตัวเลขสัดส่วนค่าโฆษณาของยอดขายนี้ว่า ทำไมต้องเป็น 3-10% ของยอดขาย? เป็นอย่างอื่นได้ไหม?...
คลาสของผมไม่ว่าจะเป็น Google หรือ Facebook หรือจะเป็นคลาสต่อ ๆ ไป จุดประสงค์ในการที่ผมทำคอร์สขึ้นมาเพราะว่า… ผมอยากให้ทุกท่าน มีความเข้าใจในการทำการตลาดบน Google หรือว่า Facebook แล้วก็ Line@ ได้ใกล้เคียงกับผม ซึ่งเราจะเข้าใจในสิ่งนั้นได้ หนึ่ง มันต้องเกิดจากการเรียนรู้จากระบบการเรียน จากระบบความเข้าใจที่ถูกต้อง สอง ที่สำคัญที่สุดที่ผมเน้นมาก ๆ เลยก็คือการลงมือทำ ดังนั้น คลาสของผมจึงออกแบบเป็น Workshop & Clinic พูดให้กระชับก็คือ ผมจะมีการบ้านให้ค่อนข้างเยอะมากและค่อนข้างที่จะท้าทายใช้เวลาในการทำ แต่มันไม่ได้ยากเกินความสามารถ ผมเคยตัดสินลูกศิษย์หรือว่าผู้เรียนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว่า เคยมีคนที่อายุ 60 กว่า อายุ 63 ปี มานั่งเรียนและไม่เคยทำโฆษณา...
รีวิวจากลูกค้าในหน้าแฟนเพจสำคัญแค่ไหน ปกติเวลาสอนในคลาส ผมมีเรื่อง ๆ หนึ่งที่ใช้ในการอธิบายว่า รีวิวในหน้าแฟนเพจมันสำคัญแค่ไหนอยู่เรื่องหนึ่ง ปกติเวลาที่ผมทำการตลาดออนไลน์ให้ลูกค้า สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามจะทำก็คือ ผมจะเข้าไปอวยลูกค้าตัวเองด้วยโปรไฟล์เฟสบุ๊คของตัวเองเลย จะเข้าไปกดให้ 5 ดาว แล้วก็ ชม ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกว่า งานอวยต้องมา เมื่อเวลาผ่านไป ผมมีลูกค้ามากขึ้น คุณเชื่อไหมครับว่าทุก ๆ เดือน จะต้องมีอย่างน้อย หนึ่งเพจต่อเดือน ที่มีคนแชทเข้ามาหาโปรไฟล์ส่วนตัวผม และถามว่า “พี่ครับยาลดความอ้วนนั้น ที่พี่กินมันลดได้จริงหรือเปล่าครับ หรือว่า “โซฟาร้านนั้นมันนั่งสบายจริงหรือเปล่า” ร้านน่าเชื่อถือจริงหรือเปล่า? ซื้อมาแล้วบริการหลังการขายเป็นอย่างไรบ้าง? คนจะแชทเข้ามาหาโปรไฟล์ส่วนตัวของผมเลยนะครับ ซึ่งอันนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นเลยนะครับว่า คนดูรีวิวเยอะขนาดไหน ถึงขั้นว่ามีคนทักเข้ามาคุยกับผมซะด้วยซ้ำ หลังจากที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ลูกศิษย์ฟังทุกคลาส...