ทำออฟไลน์อยู่แล้ว แล้วมาทำออนไลน์ควรเริ่มต้นจากอะไร? ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผมจะบอกข้อได้เปรียบของคนที่เป็นอย่างนี้ก่อน คือเนื่องจากการตลาดออนไลน์ บางคนรู้วิธีทำการตลาดหรือว่าศึกษาวิธีทำการตลาดแต่ว่าทำธุรกิจไม่เป็น คนแบบนี้ก็มีนะ ซึ่งแต่ก่อนผมก็เคยเป็นคนอย่างนั้น เพราะว่ามันเริ่มง่าย แค่เปิดเว็บ เอาของลงเอารูปขึ้น หรือเรามี Facebook ตัวเอง เราจะโพสต์อะไรอยากจะขายอะไร มีใครสนใจซื้อบ้าง อันนี้มันก็คือเราทำการตลาดออนไลน์แล้ว แต่ว่าเนื่องจากมันเริ่มง่าย แต่เขาไม่รู้วิธีการทำธุรกิจอื่น ๆ หรือว่าไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐาน เกี่ยวกับสินค้าตัวเองว่า “ลูกค้าเขาอยากซื้อเพราะอะไร” “คนแบบไหนที่มักจะกลายเป็นลูกค้าเรา” แบบนี้เขาจะเสียเปรียบเรา เพราะว่าคนที่ทำออฟไลน์แสดงว่าคุณเคยขายของอยู่ที่หน้าร้านคุณอยู่แล้ว หรือว่าคุณเคยขายของด้วยวิธีออฟไลน์อยู่แล้ว เช่น แบบมีเซลล์วิ่งขาย มีคนโทรติดต่อเข้ามาเดินผ่านหน้าร้านเข้ามา หรือว่าไปลงตามนิตยสาร ตามบิลบอร์ด ถ้าเกิดว่าคุณเป็นคนที่ พูดง่าย ๆ ว่าสินค้าหรือธุรกิจคุณ คือ เคยถูกพิสูจน์มาแล้วว่ามันขายได้ คือมีลูกค้าเข้าอยู่แล้ว...
เริ่มต้นการตลาดออนไลน์ (ควรเริ่มจากช่องทางไหน?) เมื่อเราจะเริ่มต้นการตลาดออนไลน์ เราต้องศึกษาว่าลูกค้าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถ้าเราบอกว่าเขาอยู่ที่ Google / Facebook / Pantip / Line / YouTube ว่ากันตามตรงเราควรจะไปอยู่ทุกที่ แต่ทีนี้แต่ละที่มันก็มีลักษณะเฉพาะทางของมัน อย่าง Pantip อยู่ ๆ เราทะเล่อทะล่าขายของซี้ซั้ว เราก็อาจจะโดนเอากระทู้ลงได้ เราก็ต้องเข้าใจว่าแต่ละที่บริบทมันเป็นอย่างไรและเราจะใช้วิธีอะไรในการเข้าไปทำการตลาดในนั้น ซึ่งก่อนที่จะมาถึงเรื่องนี้ ผมก็จะแนะนำอย่างนี้ว่า “เราต้องดูสถานะตัวเองด้วยว่าเราเป็นแบบไหน” แบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ 1.เริ่มต้นการตลาดออนไลน์โดยที่ เราอยากใช้แรงกับใช้เวลามากกว่าใช้เงิน 2.เริ่มต้นการตลาดออนไลน์โดยที่ เราอยากใช้เงินมากกว่าใช้แรงกับเวลา แบบแรก ก็ให้นึกถึงคนที่เพิ่งขายของออนไลน์ทำงานประจำไปด้วยและก็อยากจะหัดขายของด้วย ก็ไม่ได้อยากจะลงเงินเยอะ แต่พวกนี้คุณก็ต้องเข้าใจว่า...
นี่คือคำถามยอดฮิตที่มีคนถามผมในทุกคลาสที่ผมสอน จากประสบการณ์ที่ผมทำออนไลน์มา 8-9 ปี ผมพบว่าคำถามนี้มักจะมาจาก SME ที่ “กำลังเติบโต” หรือ “โตแล้ว” มักจะไม่ค่อยมาจาก “SME ที่พึ่งเริ่มต้น” เหตุผลอาจจะเพราะ SME ที่พึ่งเริ่มต้นขอแค่ขายให้ได้กำไรไปทุกวันในช่วงแรกๆก็พอใจแล้ว แต่ SME 2 แบบแรกนั้นไม่ใช่ เพราะโดยมากจะต้องการ “แผนหรือแนวทางระยะกลาง” เช่น 3 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อที่จะได้วางแผนในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายกับส่วนอื่นๆในบริษัทได้ถูก คำตอบของผมนั้น เอาแบบสั้นๆก็คือ งบค่าโฆษณาควรอยู่ที่ประมาณ 3-10% ของยอดขาย ลูกค้าผมส่วนใหญ่ที่เป็น SME ตัวเลขมักจะอยู่ที่ประมาณนี้ สมัยก่อนผมตั้งคำถามกับตัวเลขสัดส่วนค่าโฆษณาของยอดขายนี้ว่า ทำไมต้องเป็น 3-10% ของยอดขาย? เป็นอย่างอื่นได้ไหม?...
Facebook Pixel คืออะไร? Facebook Pixel คือ Code ชุดหนึ่งที่ เอา Code ชุดนี้ไปแปะในเว็บไซต์ของเรา ย้ำว่าในเว็บไซต์ของเรา แปะไว้ในเว็บไซต์ของเราปุ๊บ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เราสามารถใช้ประโยชน์จาก Facebook Pixel ได้ 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกคือ เราจะวิเคราะห์สถิติเชิงลึกได้มากขึ้น เรื่องที่ 2 คือ สามารถทำ Custom Audience คือสามารถใช้กลุ่มเป้าหมายสำหรับคนที่เคยเข้าเว็บไปแล้ว เข้า Section Categories นู้นนี้ได้ นี่คือข้อที่ 2 ประโยชน์ข้อที่ 3 ของ Facebook Pixel คือ เราสามารถที่จะ ปลดล็อค...
การวัดผล Facebook การอ่านรายงาน Facebook (Facebook report) มีคำกล่าวว่า ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร ถ้าเราเข้าใจตัวเลขนั้นอย่างถูกต้อง ตัวเลขจะบอกเรื่องราวทุกอย่าง วอร์เร็น บัฟเฟตต์ บอกว่า Number tells story ก็คือ ตัวเลขบอกผลประกอบการ บอกหมดเลยว่าผู้บริหาร เป็นอย่างไร ตลาดเป็นอย่างไร และคุณภาพสินค้าเป็นอย่างไร แบรนด์เป็นอย่างไร แทบจะดูทุกอย่างได้จากตัวเลข ในโฆษณา Facebook หรือว่าโฆษณา Google หรือว่าเครื่องไม้เครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ทุกตัว ล้วนมีตัวเลขให้ดู ทั้งสิ้น ถ้าเกิดว่าเราเข้าใจตัวเลขเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง เราจะสามารถปรับปรุงตัวที่แย่ ให้มันดีขึ้น หรือเอาตัวที่แย่ออก เพื่อให้งบประมาณน้อยลงแต่ผลลัพธ์เท่าเดิม หรือเอาตัวที่ดีมาเพิ่มงบมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ยอดขายเยอะขึ้น หรือเราสามารถที่จะวิเคราะห์สถิติ facebook อะไรต่างๆ...