ทำไมคุณถึง “ไม่ควรพลาดในการใช้ LINE@”

ข้อดี ข้อที่ 1. มันสามารถคุยหนึ่งต่อหนึ่งได้

อันนี้ เป็นข้อดีก็จริง แต่ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะว่า LINE@ เป็น messenger app (messenger app ก็คือ application ที่ใช้ในการพูดคุยสื่อสารกัน) คล้าย ๆ กับ “WhatsApp Blackberry MSN” ในสมัยก่อน ICQ  ถ้าใครทันยุคนั้น อันนี้ก็เป็น messenger app อยู่แล้ว ดังนั้น ก็สามารถคุยแบบหนึ่งต่อหนึ่งในระบบปิดได้ ก็คือคุยกันเห็นอยู่แค่สองคน คนอื่นไม่เห็น เหมือนกับ Facebook inbox  แต่อันนี้เป็นของ LINE@ นี่ก็คือข้อดีแบบพื้นฐานข้อที่หนึ่ง

ข้อดี ข้อที่ 2. สามารถจัดการผู้ใช้งานคนอื่นๆ ให้มาดูแล LINE@ ได้

สมมติ ปกติเราใช้ LINE ส่วนตัว ให้พนักงานขาย ถือในการโต้ตอบและคุยกับลูกค้า คือ LINE ส่วนตัวมันจะต้องอยู่ที่เครื่องใดเครื่องหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น ก็หมายความว่า เซลล์คนนั้นจะต้องถือ LINE account ไว้ตลอดเวลา ซึ่งบางทีมันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือหาย โทรศัพท์มือถือตกน้ำ โทรศัพท์มือถือพัง หรือว่าเซลล์คนนั้นลาออกไปอยู่กับบริษัทอื่น อยู่กับบริษัทคู่แข่ง อะไรก็ตามที อันนี้ก็จะทำให้ ลูกค้าและการพูดคุย ประวัติการใช้งานทั้งหมด มันก็ตามตรงนั้นไปด้วย ดังนั้น มันไม่สะดวกในการทำธุรกิจเท่ากับ LINE@

แต่ถ้า LINE@ ก็คล้าย ๆ กับ Facebook Fanpage ก็คือ มีของบริษัทอยู่ account เดียว แล้วก็มีอยู่ ID เดียวก็คือชื่อของ LINE@ อย่างเช่น ของผมเป็น @pakorn.in.th อันนี้เป็นชื่อ ID เขาเรียกว่า “premium id” ของ LINE บริษัทของผม ผมก็ใช้อันนี้แหละเป็น account หลัก แล้วก็คนที่เข้ามาติดตามผม แล้วเวลาจะสอบถามอะไรอย่างนี้ ผมก็สามารถ@ผู้ช่วย 2 คนถึง 4 คน อันนี้แล้วแต่บริษัทคุณมีกี่คน เข้ามาดูแล LINE@ account อันนี้ได้ และผู้ช่วยของผมก็จะเข้าไปตอบ เวลามีคนทักถามเข้ามา และผมก็จะสามารถดูได้ว่า การตอบนี้ ผู้ช่วยคนไหนเป็นคนตอบ

วันดีคืนดี สมมติว่า ผู้ช่วยผมเขาไม่ได้ทำงานแล้ว หรือว่าเขาเปลี่ยนงาน ลาออกไป ผมก็สามารถที่จะแก้ไขสิทธิ์ หรือว่าลบสิทธิ์ออกจาก LINE@ ของเราได้ แต่ถ้าเป็น LINE ธรรมดาเขาออกไป แล้วสมมติเขาไม่บอกกล่าวเรา เขาถือ account LINE อันนั้น ที่มีรายชื่อลูกค้า ที่เราทำการตลาดมา ถือเดินออกไปด้วยได้เลย ซึ่งอันนี้ก็ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ถ้าจะทำการตลาดทำธุรกิจอย่างจริงจัง บน messenger app

“LINE@ ถือว่าเราควรจะต้องพิจารณา มากกว่า LINE เฉย ๆ”

นอกจากนั้น เราสามารถให้ลำดับสิทธิ์ได้ด้วย ว่าเราจะให้สิทธิ์ของแต่ละคนแค่ไหน จะให้สิทธิ์ของคนนี้เป็นแอดมินเลย แอดมินก็คือเอาคนเข้าออกได้ หรือว่าสอง จะให้แค่เขาเข้ามาดูมาตอบอย่างเดียว แต่จัดการผู้ใช้งาน เอาคนเข้าออกไม่ได้ อันนี้ ก็เราสามารถเลือกให้สิทธิ์ว่าแต่ละคน จะให้สิทธิ์มากน้อยแค่ไหนอย่างไรก็สามารถทำได้

ข้อดี ข้อที่ 3. ก็คือ LINE@ มี feature ในการทำการตลาดที่หลากหลาย

ยกตัวอย่างเช่น อย่างแรก ก็คือ การ broadcast ข้อความ ก็คือการส่งข้อความ เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนการส่ง SMS สมมติ ว่าคุณมี LINE ส่วนตัว แล้วคุณอยากจะส่งข้อความ สมมติว่า คุณมีคนมาตามคุณสัก 1,000 คน สิ่งที่คุณจะต้องทำ ก็คือ คุณจะต้องกด copy แล้วก็ส่งทีละคน 1,000 ครั้งซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไร หรือว่าอีกวิธีหนึ่งคือถ้าใช้ไลน์ส่วนตัวนะครับ คุณก็ต้องสร้าง LINE Group เอามาไว้ใน LINE Group อันเดียว แล้วคุณก็ส่งข้อความเข้าไปในกรุ๊ป ซึ่งปัญหาก็จะมีอีกว่า บางทีเราก็ไม่อยากให้ลูกค้าหลายคน มาอยู่ในกรุ๊ปเดียวกัน หรือว่าอีกอย่างหนึ่งก็คือ กรุ๊ปมันจำกัดที่ประมาณ 200 คน ดังนั้น ถ้าเกินกว่านั้นก็ต้องสร้างอีกกรุ๊ปหนึ่งแล้ว ซึ่งไปเรื่อย ๆ มันก็จะเริ่มบริหารจัดการยากขึ้น

แต่ว่า LINE@ สมมติว่าคุณมีคนมาตาม จะพันคน หมื่นคน แสนคน เพียงแค่เรากด broadcast คลิกเดียว มันก็จะส่งไปถึงพันคน หมื่นคน แสนคน นั้นเลยในหนึ่งคลิก อันนี้ คือการส่งข้อความ แล้วก็ยังมี feature อื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น บัตรสะสมแต้มคล้ายๆ กับเวลาเราไปซื้อกาแฟ แล้วก็ซื้อ 10 แก้ว แถม 1 แก้ว ให้สแตมป์บัตร เราสามารถใช้ LINE@ ทำแบบนั้นได้ด้วย แล้วก็เป็นเรื่องระบบโพล ระบบโหวต เพื่อสร้าง engagement สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้ากับกลุ่มเป้าหมาย แล้วก็ได้ insight survey เอามาปรับปรุงธุรกิจ หรือว่าเป็นการร่วมสนุกกิจกรรมกันได้นะครับ

มีเรื่องของ e-coupon ส่งคูปองโปรโมชันส่วนลดไปให้เขาใช้งาน แล้วเราก็สามารถกำหนดสิทธิ์ว่าหนึ่งคน ใช้คูปองเดือนหนึ่งได้กี่ครั้ง เราสามารถทำอย่างนี้ได้ด้วย แล้วก็สามารถที่จะให้เขา แชร์คูปองนี้ได้หรือเปล่าหรือว่าแชร์ไม่ได้ อันนี้ ก็เอาไว้ประยุกต์ใช้งานได้ดีกว่าทำแบบสมัยก่อน ให้ไปแคปรูปใน Facebook โพสต์แล้วเอามายืนยันเป็นโปรโมชัน ซึ่งแบบนั้นบางทีมันก็ track ยากนะ ว่าเขาใช้ไปกี่รอบแล้ว แบบนี้ก็ง่ายกว่า แล้วก็มีเรื่องการตั้งข้อความอัตโนมัติ คล้าย ๆ กับทำ LINE@ ของเรา ให้เป็นระบบ call center เลย

กด 0 ตอบอย่างนี้ กด 1 ตอบอย่างนี้
กด 2 ตอบอย่างนี้
หรือว่าพิมพ์คำว่า “ราคา” เราจะส่งราคา เราจะส่ง price list ไป
หรือว่าพิมพ์มาว่า “จอง” เราก็จะใส่เบอร์โทรศัพท์ไป
หรือว่าพิมพ์ว่า “แผนที่” เราก็จะส่งลิงค์แผนที่ Google Map ไป

อันนี้ ก็สามารถตั้งได้เหมือนกัน และมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกเยอะมาก เขาก็ปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาอยู่เรื่อยๆ อันนี้ผมยกตัวอย่างแค่เบื้องต้นเท่านั้น

ข้อดี ข้อที่ 4. สามารถเก็บ database ลูกค้าเก่าได้

หมายความว่า สมมติ คุณทำการตลาดช่องทางอื่นอยู่ทำ Google/Facebook คุณก็ต้องมีวิธีในการ ดึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น ที่คุณจ่ายเงินโฆษณาไปแล้วให้มาอยู่ในวงจรของคุณ ที่คุณสามารถทำการตลาดซ้ำได้ สมัยก่อนเราก็จะใช้วิธีการ subscribe email ให้เขากรอกชื่อ email หรือลงทะเบียนกันไว้ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ใช้เขานิยมใช้ LINE กันมากขึ้น ใช้กันถี่กว่า email กันเยอะมาก

ดังนั้น ถ้าเราให้คนมา follow ใน LINE@ เพิ่มเติมจากช่องทางเดิมที่เราทำอยู่แล้ว หรือถ้าคุณไม่เคยทำก็ลองทำดูนะครับ การมา follow ของเขาจะง่ายขึ้นและเพิ่มขึ้น อย่างง่ายมากนะครับ ถ้าคุณเน้นที่ตลาดไทย

ข้อดี ข้อที่ 5. เป็น messenger app ที่ได้รับความนิยมที่สุดอยู่ในตอนนี้

สำหรับในประเทศไทย social media อันดับ 1-3 ในประเทศไทย จัดอันดับโดย สถิติ ETDA ในประเทศไทย เป็นหน่วยงานเรื่องเกี่ยวกับดิจิทัล

YouTube ก็เป็นวิดีโอ

Facebook ก็เป็น social media

LINE ก็เป็น messenger app

เป็นสิ่งที่ปวงชนชาวไทย ใช้เวลาอยู่กับเครื่องมือสามอันนี้ นานที่สุดต่อวัน วันหนึ่ง 6-7 ชั่วโมง 3 อันนี้ YouTube/ Facebook/ LINE

LINE อยู่อันดับที่ 3 ก็จริง แต่ว่าเปอร์เซ็นต์การใช้งานก็อยู่ที่ 96% 95% 94% คือห่างกันไม่กี่หน่วยเปอร์เซ็นต์ 3 ตัวนี้เป็นคนละฟังก์ชันกันอยู่แล้ว YouTube ก็เป็นวิดีโอ Facebook ก็เป็น social media LINE ก็เป็น messenger app

ดังนั้น LINE ก็คือ messenger app เบอร์ 1 ทุกวันนี้บริษัทที่เป็นโอเปอร์เรเตอร์ทั้งหลาย อย่างเช่น AIS DTAC TRUE ผมว่าเขาก็เริ่มจะได้รับผลกระทบแล้ว เพราะว่าคนไม่ค่อยกดโทรศัพท์คุยกันแล้ว แบบเสียเงินที่กด 087 086 ถ้าเราอยากจะคุยยาว ๆ เราก็กดโดยใช้ LINE เมื่อก่อนเวลาเราคุยผ่านไลน์ บางทีอินเตอร์เน็ต ตะกุก ตะกัก เสียงไม่ชัดบ้าง แต่ทุกวันนี้คุยทาง LINE เสียงชัดแจ๋ว อาจจะมี noise อยู่นิดหน่อย แต่มันก็ฟรี คุยนานเท่าไร ก็เสียตามแพ็คเกจอินเตอร์เน็ต ซึ่งถูกมาก

ดังนั้น คนก็เลยติด ไม่ว่าจะ generation ไหน เด็กเล็ก มัธยม มหาวิทยาลัย วัยทำงาน ผู้ใหญ่ คนแก่ baby boomer ก็ส่งดอกไม้ สวัสดีวันจันทร์ วันนี้วันพระเรื่องปกติ ดังนั้น ไม่ว่าจะคุยเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน เรื่องญาติ อะไรอย่างนี้ ทุกคนใช้ LINE กันหมดแล้ว

ดังนั้น เวลาเราทำการตลาดด้วย LINE@ คนเขาคุ้นเคยกับการใช้ LINE มากกว่าหลายๆ อย่างแล้ว มันก็เลยเป็นโอกาส ในการที่จะเก็บลูกค้าที่สนใจได้ เพราะว่ามันเป็นที่นิยมมากที่สุดในตลาดไทย

ข้อดี ข้อที่ 6. LINE@ สามารถรับคนมา follow ได้สูงสุดถึง 300,000 คน

300,000 คน ต้องใช้คำว่าเยอะมากพอ สำหรับ SME แล้ว ถ้าเกิดว่าคุณเป็นแบบ ธ.กสิกร เป็น AirAsia อันนี้ อาจจะไม่พอนะครับ 300,000 คน เพราะผู้ใช้มีเป็นล้าน แต่ว่าถ้าคุณเป็น SME คุณมีลูกค้ามาตาม 300,000 คน ถ้าเกินจากนั้นผมต้องบอกว่า คุณเป็น SME ที่ใหญ่มากแล้ว ดังนั้น มันก็มี official account ให้ขยับขึ้นไปใช้ ซึ่งราคาก็กระโดดข้ามไปเลย ไปเป็น 7 หลักเลย แต่ว่าตรงนี้รองรับได้ 300,000 คน ผมก็คิดว่าเหลือเฟือแล้วนะครับ

ในขณะที่ LINE แบบปกติรับเพื่อนได้สูงสุด 5,000 คน ผมมีคนที่มาเรียนกับผม แล้วก็ขายของดีใช้ LINE มาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมาเรียนกับผม แล้วเวลาปกติในคลาส ผมจะมีให้ add friend กัน เพื่อให้เขาเข้าไปอยู่ในกรุ๊ปการบ้าน อยู่ในกรุ๊ปของรุ่น ผมก็ add friend เขาไม่ได้ เพราะว่า เขาเพื่อนเต็มแล้ว เพราะเขา add friend ลูกค้าจนเต็มแล้ว พอเขา add friend ไม่ได้อีกแล้ว ก็หมายความว่าเขาก็มี 2 ทาง คือ

ไปสมัคร LINE แบบปกติเพิ่มอีก 1 account หรือว่า เขาต้องไปสมัคร LINE@ แทน

ทีนี้ เขาก็จะเริ่มงงแล้ว เพราะว่า เพื่อนที่เรารู้จักส่วนตัว ที่เราจะคุยเรื่องส่วนตัว กลายเป็น add LINE ปกติไม่ได้แล้ว เพราะเขา add ลูกค้าจนเต็มแล้ว กลายเป็นว่าบางทีคนรู้จักส่วนตัว ที่มารู้จักกันใหม่ ต้องไป add กันผ่าน LINE@ แล้วก็ LINE ส่วนตัวก็มีลูกค้าด้วย LINE@ ก็มีลูกค้าด้วย มีส่วนตัวด้วย มันก็เริ่มอีรุงตุงนังแล้ว

ดังนั้น ถ้าคุณกำลังเริ่ม หรือเริ่มไปสักพักหนึ่ง ไม่เยอะมาก แนะนำว่าเริ่มใช้ LINE@ ตั้งแต่วันนี้ แทน LINE ส่วนตัว จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบเดียวกันในอนาคต มีลูกศิษย์หลายรายที่ขายดีมาอยู่แล้ว ก็จะเป็นอย่างนี้

ข้อดี ข้อที่ 7. ประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจได้หลายอย่าง

บางทีคุณเปลี่ยน business model สักนิดหนึ่ง โดยใช้ LINE@ เข้าไปช่วย มันอาจจะเพิ่มยอดได้มหาศาล ผมยกตัวอย่าง เช่น เดี๋ยวนี้ทีมงานของผม เวลาจะกินข้าวกลางวัน ถ้าเป็นสักปีที่แล้ว ปี 2017 ส่วนมากก็ยังต้องขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ซื้อกันมาคนหนึ่ง หรือว่าโทรสั่ง ซึ่งโทรสั่งก็ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไร แต่เดี๋ยวนี้ก็สั่งกันทางไลน์แล้ว คุณคิดดูว่าทุก 11 โมง ร้านอาหารที่ add LINE กันไว้ที่กินประจำ สมมติ เขาส่งเมนูแนะนำของวันนี้มา มีโปรโมชันมา หรือว่าทักอะไรมานิดหนึ่ง แค่นี้เขาก็ได้เปรียบแล้ว

สมมติ ว่าร้านอาหารมีอยู่รอบออฟฟิศ 10 ร้าน แต่มีอยู่แค่ร้านเดียวที่ส่งมาตอน 11 โมงครึ่ง ถามว่าใครจะได้เปรียบ ดังนั้น คนที่ใช้ LINE มาประยุกต์กับธุรกิจของตัวเอง ย่อมได้เปรียบกว่าแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจออฟไลน์ หรือเป็นธุรกิจออนไลน์ การใช้ LINE เพื่อมาเพิ่มช่องทางในการทำการตลาด สอดแทรก เข้าไปตรงนี้ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เพิ่มยอดและสร้างความได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่งได้

เริ่มเห็นประโยชน์ที่ชัดเจนกันมากขึ้นไหมครับ ผมแถมอีกหนึ่งข้อว่า…LINE@ ดีอย่างไร?

ค่าใช้จ่ายต่ำมาก”

จริงๆ แล้วการใช้ LINE@ ปัจจุบัน ณ กลางปี 2018 นี้ ตัวเลขล่าสุดของ LINE@ ก็คือ SME ในไทยมี 3 ล้านราย คนที่ใช้ LINE@ แล้วมี 2 ล้านราย ก็ถือว่าเยอะ 2 ล้านราย ทีนี้เวลาใช้ จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องเสียเงินสักบาท ในการเริ่มต้นไม่ต้องเสียเงิน แม้แต่บาทเดียว แต่เราจะเสียเงินต่อเมื่อ มี 2 เรื่อง ก็คือ

1.การซื้อ premium id
ถ้าตอนแรกคุณไม่เสียเงินเลย คุณก็ใช้ได้ แต่ว่าเวลาคุณจะไปบอกใคร ให้มา add LINE@ คุณ มันจะเป็นรหัสแบบยึกยือ คุณจะต้องไปบอกเขาว่า “อย่าลืม add LINE@ ของร้านด้วยนะครับ @klv#24” Lv76x อะไรอย่างนี้ ก็คือมันจะเป็นยึกยือเป็นภาษาต่างดาว ซึ่งมันก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไร เราก็ต้องซื้อ Premium ID 

premium id ราคาแค่ สองร้อยกว่าบาทต่อปี เท่านั้น! อารมณ์เหมือนซื้อชื่อ domain website ก็ตั้งชื่อไปเลย @hiahengfood อะไรอย่างนี้ ก็ว่ากันไป ให้คนเขาจำชื่อร้านได้

2.package ของการยิง broadcast
ซึ่งจริงๆ ถ้าเราไม่เสียเงินเลยเราก็ยิงได้ฟรี แต่ว่าในหนึ่งเดือน ยิงได้สูงสุด 1,000 ข้อความ 1,000 ข้อความหมายความว่า สมมติ คุณมีคนตาม 500 คน คุณจะยิงได้สองครั้ง ก็คือยิงครั้งแรก 500 ตัดโควต้าไปแล้ว 500 เดือนนั้นจะเหลือโควต้าอีก 500 ข้อความ คุณยิงได้อีกครั้งหนึ่งก็หมดแล้ว ถ้าคุณมีคนตาม 1,000 คนคุณยิงได้หนึ่งครั้ง คือยิงทีเดียว ตัด 1,000 ข้อความ

ถ้าคุณมี 1,001 คน ยิงได้กี่ครั้งครับ ? ยิงได้ศูนย์ครั้ง ยิงไม่ได้เลย ยิงครั้งแรกมันก็จะเกินแล้ว 1,001 ข้อความ ก็เกิน 1,000 ข้อความแล้ว ดังนั้น ก็ต้องเริ่มซื้อแพ็กเกจ

แพ็กเกจเริ่มต้นราคาแค่ 900 ปลาย ๆ ประมาณ 1,000 บาท แล้วก็ขยับขึ้นมาเป็น 1,998 บาท แค่นั้นเอง ก็ถือว่าราคาย่อมเยามาก ๆ ยิงไปทีเดียวขายได้ไม่กี่บิลก็คืนทุนแล้ว ถ้าขายของออนไลน์นะ แต่ถ้าเป็นหน้าร้านออฟไลน์ ยังไม่ต้องเสียเงินก็ได้ลองใช้ฟรีดูก่อน ถ้ามองว่าจำเป็นค่อยซื้อเพิ่ม อันนี้สำหรับธุรกิจออฟไลน์ที่ขายอะไรในระแวกใกล้ ๆ แนะนำให้ลองใช้กันดูนะครับ “อย่าลืมนะครับ สมัครฟรี”

ผมเป็น LINE@ Certified Coach LINE เขาก็มี Promo code ให้ สำหรับตัวโค้ชนะครับ สำหรับใครที่มาอ่าน blog ของผม แล้วอยากจะใช้บริการนะครับก็ใช้ promo code ของผมได้นะครับ โปรโมชันผมยังบอกไม่ได้ เพราะว่า มันจะเปลี่ยนไปทุกเดือน

เข้าไปในเว็บไซต์เพื่อซื้อ Packge LINE@ ได้ที่  https://lineatth.line.me/register

แล้วก็ลองใช้ promocode นี้ซื้อกันดูได้เลยนะครับ ซึ่งต้องบอกว่าถ้าคุณเพิ่งเริ่มทำ ไม่เคยซื้อหรือว่าเคยซื้ออยู่แล้วและต่ออายุ ก็สามารถใช้ code นี้ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ขอให้ enjoy กับการใช้ LINE@ และการใช้ promocode ส่วนลด 

ถ้าชอบ blog นี้ อย่าลืมกดติดตาม Facebook/Youtube/LINE@/Blog ในเว็บไซต์ของผม ที่แชร์ความรู้เรื่อง Online Marketing ไว้เยอะแยะเลย