คลิปนี้ผมทำขึ้นมาเข้าข้างพี่มาร์คและเข้าข้าง Facebook โดยเฉพาะ!!

ผมรู้สึกว่าในตอนนี้กระแสของคนที่ทำโฆษณา Facebook และทำธุรกิจบางคนนะครับ บางกลุ่มผมรู้สึกว่ามีทัศนคติต่อ Mark Zuckerberg กับ Facebook ads ในลักษณะบางอย่างที่ ผมกำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้นะครับ

หลายคนรู้สึกว่าพี่มาร์คให้เรามาใช้ Facebook กัน จนมันเป็นสังคมจนเราติดไปแล้ว แล้วก็มาเก็บค่าโฆษณา พอเก็บค่าโฆษณาแล้วก็ไม่เคยจะพอเลย อยากจะลดอัตราการ Reach แล้วก็ทำให้ตัวเอง บริษัทตัวเองมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่รู้จักพอหรืออย่างไร ติดอันดับเศรษฐี 20-30 คนแรกที่อายุน้อยที่สุดในโลกนี้แล้ว แล้วยังไม่พอหรืออย่างไร บางคนมีมุมมองอย่างนี้แล้วก็จะเป็นเดือดเป็นร้อน โกรธแค้นพี่มาร์คอยู่ตลอดเวลา ด่า กัดอยู่ตลอดเวลา

ในมุมมองของผมคนที่คิดอย่างไร ผมก็แล้วแต่เคารพความคิดของทุกท่าน แต่ว่าในมุมมองของธุรกิจ คุณต้องเข้าใจเหมือนกันนะว่า หนึ่งคือเขาทำ Facebook มาให้เราใช้ เขาไม่ได้มาบังคับเอามีดจี้คอเรา ให้เรามาใช้ Facebook

เรามาใช้กันเอง

เรามาอาศัย platform

อาศัยมันสมองของเขา

อาศัยการทำโปรแกรม การจ้างเขียนโปรแกรม

อาศัย Server hosting ของเขา ในการมาเล่น Facebook แล้วเราก็เก็บรูป แล้วเราก็ได้เจอเพื่อนเจอญาติ เจอเพื่อนใหม่ๆ เจอความรู้ใหม่ๆ เจอธุรกิจใหม่ๆ เราได้ connect กับเพื่อนง่ายขึ้น เรามีที่เก็บรูปตอนไปเที่ยว เรามีที่ลงสถานะตอนเราแต่งงาน ใครคบกันแล้วเราก็ได้ประกาศให้ชาวบ้านได้รู้ แจกการ์ดงานแต่ เดี๋ยวนี้ แจกกันบน Facebook แล้วด้วยซ้ำไป

ทีนี้ ประเด็นคือเขาทำการกุศลหรืออย่างไร มันก็ไม่ใช่ ใช่ไหมครับ จริง ๆ เขาทำการกุศล หมายถึงว่าเขามีมูลนิธิอะไรเยอะมากเลย แต่ว่าในแง่ของ Facebook มันก็คือธุรกิจ มันอยู่ในตลาดหุ้นคุณเข้าใจไหม ดังนั้น

เขาก็ต้องการกำไร

เขาก็ต้องมีรายได้

เขาก็ต้องเก็บค่าโฆษณา

คือคุณคิดดูถ้าเกิดมันกลับข้าง เลยนะสุดขั้วเลย เขาไม่เก็บค่าโฆษณาเลย แล้วทุกวันมีประกาศออกมาว่า Facebook จะเจ๊งแล้วนะ จะเจ๊งแล้วนะ ทุกครึ่งปีประกาศออกมา จะเจ๊งแล้ว ปีนี้ขาดทุนอีกแล้ว เพราะไม่ยอมเก็บเงินเลย คุณเชื่อไหมว่ามันจะเป็นอย่างไร

คนทุกสังคมก็จะแบบ พี่มาร์คช่วยเก็บเงินเถอะ ๆ ก็จะกลายเป็นอย่างนี้นะครับ แล้วพอเขาเก็บปุ๊บ เก็บถึงจุดหนึ่งก็จะแบบ ว่าเขาไม่ดีอีกแล้ว ดังนั้น มันเป็นธรรมชาติคือเขาต้องการกำไร เขาต้องการรายได้เขาก็ให้เราจ่ายค่าโฆษณา แล้วเขาก็ไม่ได้มาบังคับด้วยนะ ว่าให้เรามาลงโฆษณาใน Facebook มาเปิด Fanpage เขาเชิญชวนเขาทำ Marketing ก็จริง เขาโน้มน้าวเราก็จริง แต่เขาไม่ได้บังคับนะครับ เขาไม่ได้มาบังคับขู่เข็ญเรา เราสมัครใจเองเราเลือกเอง ที่จะมาเปิดเพจบน Facebook แล้วเราก็เลือกเองที่เราจะยิงโฆษณา แล้วเราก็เลือกเองที่เราจะทำธุรกิจแล้วก็เพิ่มยอดขาย เครื่องมือหรือว่า platform ที่มีคนอยู่มาก ที่เรียกว่า Facebook เราเลือกเองทั้งนั้น

คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเราได้ประโยชน์จากพี่มาร์คเยอะแยะมากมายและจาก Facebook เรามีคนที่ทำธุรกิจเติบโตขึ้นมาได้ มีโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงทัศนะของตัวเองนะครับ มีเครื่องมือที่เรียกว่า Social media ในการที่จะเรียกร้องความไม่ยุติธรรมในสังคม ออกมาใช้เครื่องมือเหล่านี้แล้วเกิดมวลชนช่วยกัน เกิดเป็นมุมดี ๆ เยอะแยะมากมายนะครับ อันนี้ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นในมุมดี ๆ มันก็มีอยู่มากกว่าซะด้วยซ้ำ

ทีนี้ในแง่ของการลดอัตรา Reach คุณก็ต้องเข้าใจว่าเพจที่มาเปิดบน Facebook มันเยอะขึ้นเป็นดอกเห็ด คนยิงโฆษณาใน Facebook ก็เยอะขึ้นเป็นดอกเห็ดคุณคิดดูสิครับว่าวันหนึ่ง มันมีตลาดขนาดเท่านี้อยู่นะครับ เป็นตลาดนัดคุณนึกถึงภาพตลาดนัดนะ มันมีอยู่เท่านี้แล้วมันก็มีร้านมาเปิด ตอนแรกมันมี 10 ร้าน แล้วมันก็เริ่มเป็น 20 ร้าน เริ่มเป็น 50 ร้าน ตอน 50 ร้าน มันแน่นแล้วนะ มันก็ยังมีร้านเข้ามาอีก เปิดอีก ๆ ค่าที่มันก็ต้องแพงขึ้นอยู่แล้ว เพราะว่ามันใช้ facility เยอะขึ้น ดังนั้น

เมื่อ demand มันเยอะขึ้น มันมีความต้องการในทำเลนั้นเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายมันก็ต้องเยอะขึ้นอยู่แล้ว เพราะ Facebook ใช้ระบบประมูลด้วย ซึ่งก็แฟร์ดีถูกไหม ที่ไหนก็ใช้ระบบประมูลทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะ Google ไม่ว่าจะ Tripadvisor ไม่ช้า Line@ อาจจะใช้ระบบประมูลก็ได้ ถ้าเกิดว่ามันแย่งกันขึ้นกันหมดแล้ว อาจจะใช้ระบบเดียวกันก็ได้ ไม่อย่างนั้นใครจะขึ้นใช่ไหม ระบบประมูลมันก็ makesense อยู่แล้ว ดังนั้น

เราต้องเข้าใจธรรมชาติว่ามันไม่มีที่ไหนที่จะจีรังถาวร ตามหลักพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ทุกอย่างมันล้วนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้น เมื่อ Facebook การแข่งขันมันมากขึ้นเราก็ต้องเข้าใจนะครับ เราก็ต้องปรับตัวตาม และเราก็ต้องอ่านเกมล่วงหน้าด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เทรนด์มันจะไปในทางไหน เราจำเป็นต้องอ่านเทรนด์ล่วงหน้า เราจะได้เตรียมพร้อมในการปรับตัวได้ทัน

ในมุมมองของผม ที่ผมว่าสำคัญที่สุดเลยคือการโทษ Mark Zuckerberg กับ Facebook มันไม่ได้ช่วยอะไรด้วย มันทำให้เราหงุดหงิดใจแล้วก็ วนเวียนกับการกล่าวโทษซ้ำ ๆ เดิม ๆ สิ่งที่ผมคิดว่ามันเกิดประโยชน์กว่าก็คือ เราควรที่จะนั่งคิดว่า เราจะแก้ไขตัวเราอะไรได้บ้าง ในบล็อกผมก็เคยเขียนว่า

“อย่าฝากผีฝากไข้ไว้ที่ Fanpage Facebook อย่างเดียว” ให้ทำเว็บไซต์ด้วย

เพราะมันเป็น asset ของเรา บางคนก็ รู้อย่างนี้น่าจะเชื่อ ทุกวันนี้มีแต่ Fanpage พอ Organic reach ลด ชีวิตเริ่มไม่มั่นคงไม่ปลอดภัยแล้ว ดังนั้น คุณก็ปรับตัวเอง ไปทำเว็บไซต์เพิ่ม ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีนะครับ ในการที่จะไปหาช่องทางใหม่ ๆ ปรับปรุงช่องทางใหม่ ๆ ไปเพิ่มช่องทางในเว็บไซต์

ไปลองลงโฆษณาช่องทางอื่น
ไปลองศึกษาใช้เทคนิคใหม่ ๆ
ไปลองทำสินค้าเราให้มันน่าซื้อขึ้น
ไปดูแลลูกค้าเก่าของเรา
ไปศึกษาคู่แข่งว่าเขาทำอย่างไรกันบ้าง
ไปศึกษาโฆษณาใน Facebook ว่า

ทำให้มันได้ผลลัพธ์มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง มองว่ามันเป็นโอกาส ได้ขยายวงความรู้ของเราให้มันมากขึ้น เพิ่มจุดนั้นจุดนี้จุดโน้นที่สำคัญที่สุดให้คุณรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า เวลาที่มันมีอะไรเสื่อมมันจะมีอะไรโตขึ้นมาเสมอ ให้คุณมองหาว่ามันกำลังมีอะไรโตขึ้นมา ผมบอกได้เลยว่าภายในตัวโฆษณา Facebook เอง มันจะมีบางฟีเจอร์ที่มันเสื่อม แล้วมันก็มีบางฟีเจอร์ที่มันเพิ่งมา แล้วมันก็ดีมาก แล้วมันก็เวิร์คมาก แล้วมันก็ทำให้ค่าคลิกถูก

ถ้าคุณโดดไปใช้ฟีเจอร์ใหม่อย่างเข้าใจ ต้นทุนของคุณไม่ใช่มันจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างเดียวนะ มันจะกลายเป็นน้อยลงและคุ้มค่ามากขึ้นด้วย ดังนั้น ศึกษาช่องทางโฆษณาใหม่ ๆ ทำความเข้าใจตัวเดิมให้มากขึ้นลึกซึ้งขึ้น ติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ แล้วก็ลองประยุกต์ใช้ น้อย ๆ นะครับ ยุคนี้เป็นยุคของปลาเร็วกินปลาช้า ถ้าคุณลองก่อนเร็วกว่าได้จะดีมาก และคุณอย่าคิดนะว่าไม่ใช่ยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก เดี๋ยวนี้ปลาใหญ่เขาเร็วกันแล้วด้วยนะครับ ผมบอกได้เลยว่าปลาใหญ่แล้วยังเป็นปลาเร็วอีก เพราะมันใช้เรื่อง AI เรื่องหุ่นยนต์ เรื่อง Programmatic มาช่วยแล้ว

แต่ว่า SME หรือผู้ประกอบการขนาดที่ไม่ได้ใหญ่เท่าเขา ก็ยังมีช่องทางอยู่มีตลาดอยู่เยอะแยะมากมาย มีวิธีการชนะด้วยตัวของคุณเยอะแยะมากมายนะครับชนะตลาด ชนะใจลูกค้า ชนะลูกค้าเก่า ดูแลลูกค้าเก่า มีหนทางที่เราสามารถพัฒนาไปได้เยอะแยะมากมายนะครับ แต่ก่อนอื่นต้องเริ่มจากอย่าไปโทษคนอื่น แก้ที่ตัวเราก่อน

ผมพูดถึงตัวผมเองด้วย คือผมก็ต้องพัฒนาของตัวเองอยู่เรื่อย ๆ เหมือนกัน เวลาที่มีปัญหาอะไรเข้ามา มีคู่แข่งในตลาดเยอะ ตัวนู้นทำไมเปลี่ยนบ่อยจัง ถ้าผมมัวแต่ไปโทษ มันก็ไม่ได้ทำอะไรกันพอดีใช่ไหม ผมก็คิดว่าตัวเราจะแก้ด้วยวิธีไหนได้บ้างทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง แล้วผลลัพธ์มันก็ดีขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ธุรกิจของผมหลายตัวก็โตขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่เรื่อย ๆ

หวังว่าคลิปนี้จะให้แง่คิดอะไรกับคุณบ้าง ถ้าชอบก็ช่วยกดไลค์กดแชร์กดคอมเมนต์ แล้วก็อย่าลืมกดติดตามด้วยนะครับ
สวัสดีครับ ^^