คลิปนี้ผมจะมาชวนทุกท่านให้มาตามดูนะครับว่าสำหรับในปี 2019 นี้การตลาด 11 ช่องทางที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับมือใหม่นะครับมีอะไรกันบ้าง ? ผมอยากเชิญชวนให้ทุกท่านดูตั้งแต่อันดับ 11 จนถึงอันดับ 1 นะครับผมอยากให้ทุกท่านที่เป็นมือใหม่รู้และเข้าใจภาพรวมว่าถ้าเราจะเริ่มต้น ทำการตลาดออนไลน์เรามีช่องทางอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ ต่อธุรกิจของเรานะครับเพราะว่า หลายคนคงเห็นด้วยนะครับ ว่าสำหรับปี 2019 นี้ ก็เป็นปีที่เศรษฐกิจ ก็อาจจะไม่ได้ดีนักรวมถึงการตลาดออนไลน์ ก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ ผมบอกได้เลยว่า ถ้าคุณไม่เคยทำการตลาดออนไลน์เลย แล้วคุณมาเริ่มทำมันเป็นช่องทางที่มี opportunity และโอกาส มหาศาลมาก ถ้าคุณเข้าใจในแต่ละช่องทางอย่างดีแล้วก็รู้ว่า เราจะเข้าไป approach หรือว่าจะเข้าไปใช้แต่ละช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร สำหรับธุรกิจผมรับประกันได้ว่าสามารถทำบนออนไลน์ได้หมด ดังนั้นเดี๋ยวไปดูกันนะครับ

อันดับที่ 11 ทำ Youtube ให้ความรู้ ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะรู้ดีกันอยู่แล้วว่า Youtube สำหรับประเทศไทยเป็นที่ popular เป็นที่นิยมในเรื่องของความบันเทิง ความสนุกสนาน เราเข้าไปดู Youtube กันเป็นประจำคนไทยดู Youtube หนักเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ว่าสิ่งที่คนทำธุรกิจหรือนักการตลาดสามารถไปใช้ช่องทางบน Youtube ได้ ถามว่าทำอย่างไรได้บ้างครับ ผมจะยกตัวอย่าง แฟนผมมีวันหนึ่งก็เปิดทีวีดูไปเรื่อยแล้วก็เจอรายการพวก TV Shopping เขาก็ออกมาขายเครื่องออกกำลังกายแล้วพวกนี้ ก็อย่างที่รู้กันนะครับ ขายเก่งมากเปิดไปดูจังหวะไหนเราแทบจะหยุดดูไม่ได้เราก็ต้องดูไปแล้วก็เคลิ้มๆสุดท้ายแฟนผมก็เกือบจะสั่งซื้อแล้วแต่ว่ารายการ Shopping นั้นเขาบอกว่า เขาไม่ได้ประกอบ เครื่องออกกำลังกายนั้นมาให้แฟนผมก็ประกอบเองไม่เป็นแล้วผมก็ไม่ค่อยว่างก็เลยรู้สึกว่า ยังไม่ตัดสินใจซื้อเกิดกำแพงตรงนี้ ที่เขาไม่ตัดสินใจซื้อเพราะว่าต้องมานั่งประกอบเอง แต่ว่าแฟนผมก็หาทางออกนะครับก็ไปเสิร์ชใน Google ว่า วิธีประกอบเครื่องนี้ว่ามันยากขนาดไหนปรากฎว่าไปเจอคนรีวิววิธีประกอบเครื่องออกกำลังกายตัวเดียวกัน Youtube แล้วเขาก็บอกวิธีประกอบ step 1 2 3 4 แล้วแฟนผมก็รู้สึกว่ามันทำง่ายและในคลิป Youtube นั้นเขาก็ขาย เครื่องออกกำลังกายนั้นเลยสุดท้าย ทุกท่านก็คงเดาได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือเครื่องออกกำลังกาย ก็มาส่งที่บ้านผม ถามว่าเป็นออเดอร์จากไหนคำตอบก็คือ เป็นคนที่สอนวิธีประกอบนั่นแหละถามว่าทำไมแฟนผม ถึงเลือกซื้อกับคนที่สอนวิธีประกอบมันไม่ใช่เพราะว่า ราคามันถูกกว่าหรืออะไรราคามันก็เท่ากันใกล้เคียงกันแต่ว่าสิ่งที่ แฟนผมให้ value กับคนหลังเขามองว่าคนนี้เป็นคน ที่เชี่ยวชาญใน product จริงๆ ดังนั้นถ้าเวลาที่แฟนผมซื้อมาแล้วหากเครื่องออกกำลังกายมันมีปัญหาเขามีความรู้สึกว่าเขาน่าจะปรึกษาคนนี้ต่อได้หรือเขาน่าจะ ได้รับบริการหลังการขาย ที่ดีกว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ๆ แต่ในความรู้สึกเรารู้สึกโดยธรรมชาติคนทั่วไปจะรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวบุคคลมากกว่าแบรนด์ใหญ่ๆ อยู่แล้วเชื่อมโยงง่ายกว่าอยู่แล้วครับอันนี้เป็นตัวอย่างถ้าเกิดสมมติว่าสินค้าหรือบริการของคุณ คุณสามารถที่จะให้ know howให้วิธีการแก้ไขให้ solutionให้คำแนะนำให้ความรู้ลงไปใน Youtube ได้ตลอดทุกๆ ทุกวันก็จะมีคนที่หาวิธีแก้ปัญหานั้นใน Google แล้วเดี๋ยวนี้ Youtube มันก็ชอบโชว์ขึ้นมาเป็นทางเลือกและคนไทยส่วนใหญ่ ต้องยอมรับว่าชอบดูวิดีโอ มากกว่าอ่านหนังสือดังนั้น เขาก็จะกดเขาไปดูวิดีโอพอเขาดูเสร็จถ้าเขารู้สึกว่าเขาแก้ปัญหาเองได้ จากของคุณคุณก็จะกลายเป็นเหมือนครูของเขาในความรู้สึก เขาจะเริ่มรู้สึกว่าเขาเชื่อมันในตัวคุณแล้วทีนี้ เขาจะซื้อหรือไม่ซื้ออยู่ที่ว่าเขามีความต้องการที่แท้จริงเมื่อไรถ้าวันใดวันหนึ่งเขาต้องการที่จะซื้อของที่คุณขาย แต่คุณต้องทำให้เขารู้ด้วยนะใน Youtube ว่าคุณขายของอย่างนี้ด้วยถ้าคุณทำให้เขารู้สึกว่าเขาเชื่อมั่นได้ เมื่อไรที่เขามีความต้องการสินค้าเขาก็จะซื้อของคุณรวมถึงถ้าเขาเป็นคนที่เก่งคือคนมีสองประเภท มีคนที่ชอบแก้ปัญหาด้วยตัวเองกับมีคนที่แก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ต้องให้คนอื่นช่วย คือในแต่ละเรื่อง จะมีคน 2 ประเภทใหญ่ ๆทีนี้ จากประสบการณ์ของผมคนที่เขาชอบแก้ปัญหา ด้วยตัวเองมักจะเป็นคนเก่ง คนเก่งมักจะเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆที่อยู่รอบข้างเขา เหมือนกับคนที่เรียนหนังสือเก่งก็ชอบติวให้เพื่อนก็เป็นคนเก่งดังนั้นคนเก่ง มักจะมีอิทธิพลต่อคนอื่นมากเป็นพิเศษ และคนอื่นมีปัญหา มักจะชอบไปถามเขาดังนั้นถ้าคุณสามารถ ทำให้คนเก่งเขาหาทางออก ให้ตัวเองได้ไม่ช้าก็เร็วนะครับจะมีคนไปปรึกษา คนเก่งคนนั้นว่าฉันมีปัญหาอย่างนี้ ทำอย่างไรดี แล้วเนื่องจากคนเก่ง เขาก็มีอาชีพของเขาอยู่แล้วเขาก็ยุ่งของเขา ดังนั้นเขาก็อาจจะฉันไม่ได้เชี่ยวชาญ ขนาดแก้ปัญหาให้ทุกคนได้แต่ฉันเคยดูคลิปคนนี้คุณลองโทรไปปรึกษาเจ้านี้ดูก็จะกลายเป็นลูกค้า ซึ่งขั้นตอนพวกนี้ทั้งหมดมันเป็นแบบอัตโนมัติดังนั้น คนดูก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วลูกค้าจะเข้ามาหาคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนที่เกิดขึ้น ตามเหตุและปัจจัย ตามความต้องการของสินค้า หรือบริการนั้นในตลาดด้วยผมอยากให้ทุกท่านลองพิจารณาดูนะครับเราอาจจะไม่ต้องจำเป็นว่าจะต้องทำวิดีโอโปรดักชั่น แบบเลิศหรูอลังการเพราะว่า เวลาคนเขามีปัญหาเขาไม่ได้สนใจ ความเลิศหรูอลังการ ของโปรดักชั่นเขาสนใจแค่ว่า ปัญหาเขามันต้องถูกแก้ดังนั้น คือทำวิดีโอดูดีมีกราฟิกอะไร ดูดีได้ก็ดีแต่ว่า อย่าไปรอให้ทุกอย่างมันพร้อมนะครับเป็นไปได้ ผมแนะนำอยากให้ลองเริ่มดูจะเป็นเจ้าของออกมาอัดเองจะเป็นแบบฝ่ายการตลาดเป็นพนักงานมาช่วยกันอัด อะไรอย่างนี้ผมรับรองว่า ไม่ช้าก็เร็วคุณจะได้ประโยชน์จากการให้ด้วยการแชร์ความรู้ใน Youtube อย่างนี้พอให้แล้วเราก็จะได้รับ

อันดับ 10 เขียนบล็อกให้ความรู้ อันดับ 10 จะคล้าย ๆ กับตัว Youtube นะครับสำหรับ Youtube ก็คือเราอัดวิดีโอแล้วก็ลงไป เป็นการให้ความรู้ส่วนอันดับ 10 คือการเขียนบล็อกให้ความรู้ซึ่งการเขียนบล็อกเป็นสิ่งที่ยังใช้ได้ดีอยู่ในการตลาดปัจจุบันนะครับแล้วผมเชื่อว่า ยังจะใช้ได้ไปอีกอย่างน้อย ต้องมี 5 ปี เพราะหลายคนบอกว่า เดี๋ยวนี้เราต้องทำวิดีโอเดี๋ยวนี้เราต้องทำโพสต์ใน Facebook เพราะว่า คนใช้เวลาอยู่ในนั้นเยอะ อันนั้นผมไม่เถียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ก็คือเวลาเราต้องการข้อมูลข่าวสารในการแก้ปัญหาบางอย่างเรายังคงต้องมาเสิร์ชใน Google และผลการค้นหาที่มันขึ้นมาเยอะมันก็คือเป็นบล็อกที่ให้ความรู้นั่นเองผม ยกตัวอย่างเช่น สมมติวันนี้ผมอยากจะเลี้ยงปลาพันธุ์แปลก ๆ สักอย่างหนึ่งและผมก็ไม่รู้ ว่าจะเริ่มอย่างไร ผมก็เริ่มเสิร์ชหาเลี้ยงปลาอะไรดีหรือว่า วิธีเลี้ยงปลาทะเลในบ้าน อะไรแบบนี้ ผมเสิร์ชผมก็จะเริ่มเจอบล็อกความรู้พวกนี้แล้วผมก็เข้าไปอ่าน ผมยกตัวอย่าง อย่างนี้เพิ่มเติม ก่อนหน้านี้รวมถึงตอนนี้ด้วยผมประสบปัญหาอย่างหนึ่งก็คือข้างบ้านผมทำเหมือง bitcoin แล้วก็มีการใช้พัดลมตัว bitcoin เพื่อระบายความร้อนและพัดลม มันก็ค่อนข้างเสียงดังมันก็เลยทำให้เสียงมันมาดังก้องในบ้านผมด้วยเสียงก็ค่อนข้างดังพอสมควรมันเหมือนหึ่ง ๆ ทั้งวันรู้สึกปวดประสาทพอสมควรนะครับดังนั้นผมก็ต้องมีปัญหาเรื่องนี้แล้วผมก็ต้องหาทางแก้นะครับนอกจากคุยกับเพื่อนบ้านผมก็ต้องไปหาข้อมูลว่าถ้าเพื่อนบ้านเขาไม่หยุดทำผมจะต้องแก้ปัญหา จากฝั่งผมเองแล้วหรือไม่ก็ฝั่งเขาก็คือว่า จะทำอย่างไร ให้เสียงมันเบาลงผมก็ไม่รู้จะหาอย่างไรนะผมก็พิมพ์เท่าที่นึกได้นะครับเริ่มจากเสิร์ชใน Google ว่าวัสดุซับเสียง วิธีลดเสียงในห้อง วิธีลดเสียงในบ้าน ในทาวน์เฮาส์วิธีลดเสียงสำหรับ เหมือง bitcoin ผมก็เสิร์ชไปเรื่อย และผมก็ไปเจอเว็บฯหนึ่งขอโทษผมอยากจะให้เครดิตแต่ผมจำชื่อไม่ได้เดี๋ยวอาจจะขึ้นไว้คือผมไปเจอเว็บหนึ่งว่าเขาให้ความรู้ เรื่องการซับเสียงในบ้านรูปแบบต่าง ๆ อย่างละเอียดมากเลยนะครับมีภาพประกอบแล้วผมดูวิธีที่เขาอธิบายคือมันเป็นรูปธรรมมากคือมีการวัดเดซิเบลแล้วก็มีการเทส before & after แล้วผมก็อ่านไป ผมมั่นใจว่าคนนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ และสุดท้ายผมก็พยายามไลน์ แล้วก็โทรไปคุยปรึกษาก็อยากจะปรึกษาหรือว่าจ้างมาใช้บริการแต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ใช้เพราะว่าสุดท้าย คุยกันอยู่นานเขาก็บอกว่า จริง ๆ ปัญหาของผมดูแล้ว ต้องใช้วิธีอื่นนะครับให้เขาเปลี่ยนพัดลม เปลี่ยนรุ่นไปน่าจะช่วยได้มากกว่า อะไรทำนองนี้เขาก็เลยให้ contact ของเจ้าที่ขายพัดลม มาอีกคือถึงแม้ว่าคนนี้ที่เขาเขียนบล็อกให้ความรู้หนึ่ง เราจะเห็นแล้วว่าเขาได้ผมเป็น reach แล้วคือได้ผมเป็นผู้ติดต่อแล้วนะครับจากการแชร์ความรู้ฟรี ๆ แล้วมันก็ไปติดใน Google ครับเวลาที่คุณเขียนบล็อกความรู้ แบบมีคุณภาพดี ๆ มันจะไปติด Google แน่นอน มันจะไปอยู่อันดับต้น ๆ ด้วย เพราะว่า พอคนเขามีปัญหาแล้ววิธีการของคุณ มันลึกพอเขาจะเอาลิงก์ของคุณไปแปะส่งให้เพื่อนไปแปะใน Facebook ไปแชร์ใน Facebook พวกนี้มันจะทำให้ Google algorithm มันติดดี มันจะติดอันดับดี รวมถึง ตัวเนื้อหาถ้ามันเขียนมายาว ๆ ดี ๆ แล้วมันเป็น unique อยู่แล้ว หมายถึงว่ามันเฉพาะทางอยู่แล้วคือเราเขียนได้ลึกพอ อันดับมันก็มักจะดี โดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว ดังนั้น การเขียนบล็อก เป็นทางออกที่ดีมากหลักการและเหตุผล คล้ายกับตัว Youtube เลยแต่ทีนี้ บางคนอาจจะบอกเอ๊ะ! คุณเบิร์ด ตอนแรกคุณเบิร์ดบอกว่า คนชอบดู Youtube มากกว่าชอบอ่าน ก็ใช่ ไม่เถียงนะครับแต่ว่า เราก็ต้องดูว่า คนมันก็มีหลากหลายแบบด้วย ถ้าเป็นไปได้ เราก็ควรจะเอาคนทุกรูปแบบมันมีคนชอบอ่านเหมือนกันโดยเฉพาะ Generation X กับ baby boomerคนที่อายุสัก 35 บวกนะครับก็ยังชอบอ่านอยู่และบางคนรู้สึกว่าการอ่าน บางทีมันย่อยได้เร็วกว่า นั่งดูวิดีโอแบบอ่าน เราจะกวาดตาแล้วก็เจอวิธีแก้ปัญหาเลยแต่ดู Youtube เราก็นั่งดูไปรอให้มันเลื่อน ๆ ไปบางคนก็ชอบอ่านมากกว่าบางคนก็ชอบดูมากกว่าดังนั้น เอาทั้งสองทางเลยครับเราลองคิดดูว่าถ้าของเราติดอันดับหน้าแรกใน Google ทั้ง Youtube ทั้ง Blog ถ้าคุณไม่เคยทำคุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่าลูกค้าจะเข้ามาหาคุณเยอะขนาดไหนจากการทำเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ อย่างต่อเนื่อง

อันดับ 9 ทำเว็บไซต์ สำหรับมือใหม่ผมยังจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อยู่หลายคนยังมีคำถามอยู่ว่าเว็บไซต์ ยังจำเป็นอยู่ไหมผมบอกได้เลยว่าถ้าคุณไม่ได้คิดจำทำธุรกิจอยู่แค่ 3 เดือน 6 เดือน แล้วเลิกคือคุณตั้งใจว่าทำนานกว่านั้นหรือคุณทำนานกว่านั้นมาแล้วคุณก็ต้องทำเว็บไซต์เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งนะครับเพราะว่า พูดในมุมหนึ่งเว็บไซต์ คือทรัพย์สินของเราแต่ว่า Facebook page มันไม่ใช่ทรัพย์สินเราผมมีลูกศิษย์มีเกิดขึ้นอยู่เหมือนกันว่า เพจปลิวแบบที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล มากนักคือทำผิดกฎอะไรที่อาจจะไม่ได้รู้สึกในความรู้สึกผมนะ มันไม่ได้ดูร้ายแรงอย่างเช่น โพสต์ตัว capture screen ของ Facebook ลงไปในโพสต์อย่างนี้ แล้วเพจปลิวมีโดนอย่างนี้เหมือนกันนะ ปี2019 เพจเรา เราเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเพจเราไม่ได้ปลิวเราก็ไม่รู้ว่าพี่มาร์กเขาจะเปลี่ยน algorithm อะไร อย่างไรบ้างอีกดังนั้น เราจำเป็นต้องมี อะไรที่เป็นของเรามีตัวตนบนโลกออนไลน์ที่เป็นของเราจริง ๆ ในทางกฎหมายสิ่งนั้นก็คือ เว็บไซต์นั่นเองดังนั้น ถามว่าเว็บไซต์ สรุปแล้วมีประโยชน์อะไรนอกเหนือจากนี้อีกนะนอกเหนือจากนี้ ที่ผมนึกออกเร็ว ๆก็คืออย่างเช่นคือในเว็บไซต์เราสามารถจัดเรียงข้อมูลในการนำเสนอต่อลูกค้าให้มันเป็นหลักเป็นแหล่งอย่างเป็นระบบระเบียบได้ใน Facebook เวลาเราอยากจะสื่อสารอะไรลงไปโพสต์เดิมมันก็ไหล ๆ ลงไปโพสต์ใหม่ มันก็จะมาอยู่ข้างบนแทนแต่ว่าในเว็บไซต์ คือถ้าเมนูรวมสินค้าโปรโมชัน มันอยู่ตรงนี้มันก็จะอยู่ตรงนีตลอดเมนูสินค้ามาใหม่อยู่ตรงนี้ มันก็จะอยู่ตรงนี้ตลอดเมนูสินค้า หมวด A หมวด B หมวด C มันก็จะอยู่ตรงนี้ติดต่อเรา มันก็จะอยู่ตรงนี้แผนที่มันก็จะอยู่ตรงนี้หรือว่า สมัครงานมันก็จะอยู่ตรงนี้หน้า Home หน้าหลักมันก็จะอยู่ที่เดิมของมันแล้วเดี๋ยวนี้ ผมจะบอกว่าเว็บไซต์มันก็ทำง่ายขึ้น ถูกลงทุกที ครับคนให้บริการ ก็มีมากขึ้นคนเก่ง ๆ รับทำก็มีมากขึ้นราคาถูกลงเรื่อย ๆ ครับแล้วก็มีเครื่องไม้เครื่องมือในการทำให้มัน เสร็จเร็วแล้วสวยหรือบางทีก็ฟรี เลยด้วยซ้ำ เยอะมากครับผมมีคลิปที่อธิบายเรื่องนี้เต็มๆ อีกคลิปหนึ่งนะครับก็ไปลองดูกันได้นะครับสำหรับข้อที่ 9 ก็อยากจะย้ำว่าเว็บไซต์ยังมีความสำคัญอยู่นะครับเวลาที่เราทำการตลาดออนไลน์ไปเราต้องมี platform ที่จำเป็นให้เยอะที่สุดนะครับเมื่อกี้เราพูดถึง Youtube ไปแล้วแล้วเราก็พูดถึงบล็อกนะครับจริง ๆ แล้วบล็อกเนี่ย ถามว่ามันจะไปอยู่ที่ไหนผมก็แนะนำว่า ดีที่สุดโดยภาพใหญ่นะครับก็คือมาอยู่ที่เว็บไซต์เรามาอยู่ที่เว็บไซต์เรา ดีที่สุดเพราะว่า มันจะทำให้เว็บไซต์เราติดอันดับใน Google ไปด้วยเพราะว่า เรามีบล็อกที่ให้ความรู้ที่มันติดอันดับ แล้วพอเขามาดูความรู้ฟรีเรียร้อยเขาก็ดูแล้ว ในหน้าเรามีบริการขายของด้วยไหมถ้าเขาเจอ เขาก็จะกดไปดูดังนั้น มันก็เป็นโอกาสในการหาลูกค้าใหม่ให้เรา ได้อีกนะครับ

อันดับ 8 ทำ SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization สำหรับมือใหม่ การทำ SEO ผมคิดว่าคุณฟัง ๆ แล้วผมไม่แน่ใจว่า คุณจะรู้สึกว่า มันไกลตัวหรือเปล่าแต่ผมบอกได้เลยว่า ในปี 2019 ถ้าจะมองว่า SEO ยาก มันก็มองได้เพราะคนที่เขาทำเป็น เขาทำกันมาเกือบ 20 ปีแล้วแต่ถ้ามันจะมองให้ง่าย มันก็มองได้เพราะว่า ตลาดมันโตขึ้นมหาศาลแล้วมันยังมี ช่องว่างอยู่เยอะ SEO ผมพูดอีกทีก่อนนะ ว่ามันคืออะไร SEO ก็คือการติดหน้าแรกใน Google แบบธรรมชาติ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เราต้องทำให้ Google ชอบใจเว็บฯเรา ให้ Google เขามองว่า เว็บฯเรามีคุณค่าพอที่จะขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆให้กับผู้ที่เขากำลังค้นหาคุณลองนึกดูว่าถ้าคุณเป็น Google คุณจะเอาเว็บฯอะไรมาขึ้นอันดับหนึ่งระหว่างเว็บฯที่เพิ่งอัปเดตเนื้อหา และมีข้อมูลที่ดีเยี่ยมกับเว็บฯที่ไม่ได้อัปเดตเนื้อหา มาปีหนึ่งแล้ว อย่างนี้เป็นต้นครับ คุณจะเลือกเว็บฯไหน มาขึ้นหน้าแรก Google ระหว่างเว็บฯที่ ไป coppy ข้อมูลเขามา กับเว็บฯที่ เขียนข้อมูลขึ้นมาเอง เป็น original คุณจะเลือกของใครถ้า Google เขารู้อยู่แล้ว เค้ามี algorithm AI สามารถตรวจจับได้คุณจะเลือกเว็บไซต์ไหนมาขึ้น ระหว่างเว็บฯที่ มีข้อความด้วย มีวิดีโอประกอบด้วย มีเว็บบอร์ดด้วย มีความรู้ข่าวสารมีตัวตน โหลดเร็วคุณจะเลือกแบบนี้หรือ คุณจะเลือกเว็บฯที่มีแต่ข้อความเฉยๆไม่มีองค์ประกอบอะไร อย่างอื่นเลยแล้วก็คำอธิบายที่เป็นประโยชน์ที่เป็นเนื้อหาในเว็บฯ ก็มีน้อย มีแค่ 2 บรรทัด เว็บฯก็มีอยู่หน้าเดียวโหลดหนัก ๆ โหลดช้า มีมัลแวร์ ไวรัส แถมมาอีกครับคุณจะเลือกอะไรที่ผมอธิบายยืดยาว เพราะผมอยากให้คุณก่อนที่จะไปศึกษา SEO อย่างเป็นวิชาการ หรือเป็นอย่างนี้ผมอยากให้คุณเข้าใจ common sense ง่าย ๆ ของ Googleในการที่เราจะติดหน้าแรกก่อนนั่นก็คือ ให้คุณลองมองตัวเองเป็น Google ถ้า Google เขาเอาเว็บฯแย่ ๆ ขึ้นมาอยู่ในหน้าแรก เยอะๆ คนเขาก็เสิร์ช Google เขาก็จะรู้สึกว่า ฉันหาอะไร ก็เจอแต่เว็บฯไม่ดี ใช่ไหมครับ คนก็จะเลิกใช้ Google กันหมด เขาก็จะไปใช้ค่ายอื่นแทน Google ก็จะไม่เติบโต เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามหาศาลอย่างทุกวันนี้ แต่เพราะ Google เขาพยายามทำทุกอย่างให้คนเสิร์ชแล้วเจอเว็บฯที่ดีที่สุดที่ original ที่สุดที่อัปเดตล่าสุดที่มีคนพูดถึงมากที่สุดมีคนแชร์ใน Facebook มากที่สุดมีคุณภาพ โหลดเร็วแล้วก็มีตัวตน มีอะไรชัดเจนเว็บฯเปิดมานาน คือ สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นคำอธิบายที่เป็น common sense ที่ผมอยากให้คุณเข้าใจว่า ทำอย่างไรเราถึงจะติดหน้าแรกใน SEO เพราะผมเจอลูกค้าหลายราย ที่ติด SEO แบบงง ๆ คือทำ SEO ไม่เป็นแต่ติดหน้าแรกแบบคำยากๆเลยพอไปไล่ดูอย่างละเอียดก็พบว่าเนื้อหาในเว็บฯเขามันดีมากคนก็เลยชอบเอาเนื้อหาเขา ไปแชร์ใน Facebook ก็กลายเป็นว่าเขาติดอันดับใน Google โดยที่ทำ SEO ไม่เป็นนั่นก็เพราะว่า เขามองมุมเดียวกับ Google มาตั้งแต่แรก ก็คือ มองมุมประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นก็เลยทำให้เขาติดทีนี้ถามว่า ทำไม SEO ถึงสำคัญผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าเวลาที่คนเขามีปัญหา หรืออยากจะซื้อของหลายคนก็ยังเลือกมาเสิร์ชใน Google เป็นจำนวนมากดังนั้น ถ้าเขาเสิร์ชระหว่าเขาเจอคุณกับเขาเสิร์ชแล้วเจอคู่แข่งคุณมันก็ควรจะเป็นแบบแรกก็คือเสิร์ชแล้วเจอคุณมันก็จะได้เป็นโอกาสในการขายของคุณทีนี้ตอนแรกที่ผมเกริ่นไปว่า SEO ถ้ามองว่ายากก็ยากมองว่าง่ายก็ง่ายแบบไหนที่จะทำให้เราทำง่ายถ้าถามผมคำตอบก็คือเราต้องทำคำที่มัน long tail เขาเรียกว่า Long Tail Keyword ก็คือคำที่มันยาว ๆ หน่อยเพราะว่าคำสั้น ๆมันจะมีพวกมืออาชีพรับจ้างทำผมยกตัวอย่างเช่น สมมติเราอยากจะทำ SEO คำว่ารับทำเว็บไซต์คำนี้มันมีคนจ้างทำผมว่า 10 อันดับหน้าแรก เป็นแบบตัวเอ้ ตัวเป้ง กันหมดขึ้นหน้าแรกเพราะว่าคำมันสั้นไงครับ รับทำเว็บไซต์แล้วมันเป็นคำแบบ คนเสิร์ชแบบนี้ แสดงว่าเขาหาผู้จ้างแล้วโอกาสในการขายสูงก็แข่งกันสูงแต่ถ้าคุณไปทำ SEO คำว่ารับทำเว็บไซต์ WordPress  เป็นเว็บฯสำเร็จรูป ประเภทหนึ่งนะครับรับทำเว็บไซต์ wordpress แบบนี้คือ Long Tail Keyword ขึ้นมาอีกหน่อยแล้วดังนั้น คู่แข่งเรา แทนที่จะกลายเป็นคนรับทำเว็บไซต์เป็นพันเจ้าในตลาด นะครับอาจจะเหลือ 20 เจ้าในตลาดที่รับทำ WordPress ด้วยกันดังนั้น โอกาสที่คุณจะติด SEO มันจะมากขึ้นแล้วทีนี้ถ้า Long Tail กว่ารับทำเว็บไซต์ WordPress คืออะไรมันอาจจะเป็นคำว่ารับทำเว็บไซต์ wordpress ลาดพร้าว อันนี้คือมีเขตขึ้นมานะหรือรับทำเว็บไซต์ WordPress ในกรุงเทพ หรือรับทำเว็บไซต์ WordPress ชลบุรี แสดงว่าคนที่เสิร์ช เขามี intention มีความตั้งใจบางอย่างที่แบบลึกกว่าเดิมแล้วถ้าคุณไปคุยกับคนรับทำ SEO เขาจะไม่ค่อยอยากรับจ้างทำคำว่า รับทำเว็บไซต์ WordPress ชลบุรี หรอกครับเพราะว่ามันน้อย มันได้ค่าจ้างน้อย ส่วนคนที่อยากจะไปจ้างมันก็ไม่ค่อยอยากจะไปจ้างหรอกมันจ้างแล้วเหมือนมันไม่ค่อยคุ้มคนมันเสิร์ชไม่ค่อยเยอะไปจ้างก็คนทำก็ไม่คุ้มเหนื่อยประมาณนี้ดังนั้นการแข่งขันมันเลยต่ำโอกาสที่เราจะติดมันเลยสูงนะครับดังนั้นเราต้องทำคำยาว ๆแล้วบางคนอาจจะบอกว่าอ้าวแล้วคนเสิร์ชน้อยแล้วเราจะทำคำยาวๆไปทำไมผมก็บอกว่าเราก็อย่าทำคำเดียวเราก็ทำคำยาว ๆ 100 คำ 200 คำ 300 คำ ให้คำยาว ๆ เหล่านี้คนที่เข้ามาเจอคำพวกนี้รวมกันมันเท่ากับคำใหญ่ๆหนึ่งคำหรืออาจจะมากกว่าอีกซึ่งอย่างที่ผมบอกพอบางคนฟังว่าทำ 100 คำ 200 คำโอโห งานหนักพอมันเป็นคำยาวๆง่ายๆมันติดง่ายเวอร์ครับเราไม่ต้องทำอะไรซับซ้อนมากมายเลยคือแค่ทำแบบเบสิกเบื้องต้นสมมติว่ามันมี 50 checklist ที่ต้องทำ SEO เราทำแค่ 10 checklist เราก็มีแนวโน้มจะติดค่อนข้างสูงแล้วแต่ว่าผมคงไม่สามารถสอน SEO ในคลิปนี้ได้นะครับ ดังนั้นอันนี้บอกไว้เบื้องต้นนะครับ มีคนที่ให้ความรู้ สอนเยอะแยะ ก็ไปลองดูนะครับ

อันดับที่ 7.ทำโฆษณา Google Adwords Search Advertising Google Adwords Search Advertising คืออะไร ? จริง ๆ ต้องออกตัวนิดนึงว่าจริง ๆ Google Adwords เขาเปลี่ยนชื่อแล้วนะเปลี่ยนเป็น Google Ads แต่ผมยังติดเรียกอย่างนี้อยู่ Google Adwords Search Advertisingoogle ก็คือการซื้อโฆษณาให้ติดหน้าแรก Google เลย สำหรับ อันดับที่ 8 เราคุยกันว่าเป็นการติดแบบธรรมชาติอันนั้นคือไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับ Adwords ก็คือเราจ่ายเงินปุ๊บ ขึ้นปั๊บเราจ่ายเงินซื้อคำนี้เราขึ้นได้เลยเราเลิกจ่ายคำนี้เราอันดับหายไปเลยอันนี้ก็คือแบบ Adwords ถามว่าพอมันเป็นอย่างนี้ ผมอยากจะบอกว่า mindset ในการทำ Adwords ของเรามันคืออะไร บางคนเป็นมือใหม่ อาจจะมีความคิดว่าโอโห ไม่ดีเลยคือต้องไปจ่ายเงินพอเลิกจ่ายก็หยุดแล้วแต่บางคนอาจจะมองอย่างที่ผมมองก็คือก็แฟร์ดีนี่จ่ายปุ๊บก็ขึ้นปั๊บเร็วดีไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงไม่ต้องลีลาเยอะดังนั้นผมก็เลยจะบอกว่าเวลาทำ Adwords mindset เราต้องเป็น mindset แบบนักลงทุนคือหมายถึงว่าเราซื้อไปเราต้องหวังกำไรถ้าเราซื้อแล้วเราได้กำไรเราก็จะไม่เซ็งเราก็จะ happy กับมันแต่ถ้าเราซื้อแล้วเราขาดทุนเราก็จะไม่โอเคถ้าเราซื้อแล้วเราได้กำไร สมมติเราซื้อ 1 บาทเราได้กำไร 10 บาทเราก็จะบอกเลยคราวนี้อย่างนั้นเราไม่ซื้อ 1 บาทเราซื้อ 10 บาทดีกว่าเราอาจจะได้กำไร 100 บาท แล้วพอเราลองซื้อ 10 บาทแล้วได้กำไร 100 บาท เราก็เลยบอกลองซื้อ 20 บาทดีกว่าเราก็เลยได้กำไร 200 บาท นี่คือ mindset ของการลงทุน นะครับถามว่ามัน บัญญัติไตรยางศ์ ขนาดนั้นเลยเหรอ คือซื้อ 1 ได้ 10 ซื้อ 10 ได้ 100 ซื้อ 100 ได้ 1,000 ก็ต้องบอกว่า มันไม่ได้บัญญัติไตรยางศ์ ขนาดนั้น แต่มันเป็นไปได้ และที่แน่ ๆ ก็คือมันบัญญัติไตรยางศ์กว่า Facebook Ads ก็แล้วกัน เพราะว่า Google Search เวลาคนเข้ามาพิมพ์หาของคุณคือเขามีความต้องการจริงดังนั้นผลตอบรับมันจะนิ่งกว่า Facebook พอสมควรตรงนี้จริงๆต้องอธิบายยาวกว่านี้แต่ว่าอันนี้คือพอให้เห็นภาพนะว่ามันค่อนข้างหวังผลได้นิ่งกว่า Facebook จะไม่เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงอย่างกับ Facebook แบบนั้นทีนี้ถามว่าทำไมมันถึงสำคัญเพราะว่าเดี๋ยวนี้ โลกมันเปลี่ยนเร็ว การตลาดมันเปลี่ยนเร็วมันประมาณว่าคุณคิดแคมเปญขึ้นมา คือคุณจะมานั่งคิดแคมเปญล่วงหน้าเป็นปีๆแล้วใช้ แล้ววัดผลเป็นปี ๆ บางทีไม่ทันแล้วยุคนี้บางทีแบบคิดโปรเจคขึ้นมาต้องแบบรีบๆทำรีบๆเขียนให้มันออกมารีบๆเทสรีบๆใช้ รีบๆได้ผลตอบรับ แล้วก็ขึ้นงานใหม่ขึ้นโปรเจคแพลนใหม่เลย ก็ต้องกลายเป็นแบบนั้นดังนั้น ด้วยความที่มันเป็นอย่างนี้ถ้าเราอยากที่จะเทส หรือทดสอบอะไรใน Adwords เราซื้อได้เลยสมมติดว่าคุณเป็นมือใหม่แล้วคุณมีไอเดียอยากจะลองว่าเราจะเริ่มเอาสินค้า Aในร้านเรามาลองขายดูซิคุณก็ลองซื้อ keyword คำนี้ได้เลย ทำหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วก็ซื้อ keyword คำนี้แล้วก็ดูลองจ่ายสักวันละ 200ดู7วันเลยจ่าย 1,400 ดูสิขายได้บ้างไหมถ้าขายได้ก็โอเคก็ดูกำไรนะครับแล้วก็ปรับปรุงไปถ้าขายไม่ได้ ก็ต้องมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมไม่ได้แล้วก็ปรับปรุงจนมันขายได้แล้วก็วัดใหม่อย่างนั้นวัดใหม่ แล้วก็ดูว่ามันได้ไหม Adwords เราต้องคิดแบบนี้เลยนะครับดังนั้นสำหรับนาทีนี้ผมคิดว่า Adwords ไม่ทำไม่ได้ Adwords บอกเลยไม่ทำไม่ได้เพราะว่าเราจะพลาดโอกาสที่คนเขาต้องการของที่คุณขายอยู่แล้ว แล้วคุณไม่ไปขายของคนที่อยากได้ของคุณแล้วคุณจะไปขายใครในเมื่อคนที่เขาอยากได้ของเขามาเสิร์ชอยู่ใน Google ทุกวันๆแล้วแทนที่เขาจะเจอคุณ เป็นทางเลือกด้วยเขาไม่เจอเขาไปเจอคู่แข่งคุณมันเสียโอกาสดังนั้นอย่างไร Adwords ปีนี้คุณก็ต้องลงถ้าคุณไม่เคยลงนะครับแต่ว่าก่อนจะลงก็ศึกษาเยอะๆสักนิดหนึ่งนะครับเพราะต้องบอกอย่างนี้ว่าใครที่เคยทำโฆษณาใน Facebook แล้วไม่เคยทำ Google มาทำ Google ผมมาทำเป็น 10 ปีแล้วผมบอกอย่างหนึ่งว่า Google เวลาทำอะไรผิดนิดหนึ่งมันส่งผลเยอะคืออย่างเช่น ถ้าคุณไม่รู้เรื่องคุณเลือก keyword ที่มันไม่ค่อยโอเค keyword คือคำที่เราซื้อแล้วเขาเสิร์ชเจอเราถ้าคุณเลือกคำที่มันกว้างเกินไปบางทีคุณอาจจะตกใจว่า ตั้งเงินวันละ 1,000 ทำไม 2 ชั่วโมง เงินหมดเพราะว่าเราไม่เข้าใจบางอย่างคือ Google มันจะมีความท้าทายตรงนี้อยู่ที่ทำให้คนที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่เลือกที่จะทำ Facebook ก่อนแทนที่จะเป็น Google นะครับเพราะว่า Facebook ต่อให้เราทำผิดอย่างไรวันหนึ่ง สมมติเราตั้งวันละ 1,000 มันก็จะแบบค่อยๆใช้ค่อยๆใช้จนครบ 24 ชั่วโมงถึงจะครบ 1,000 บาท พอดิบพอดีเลยประมาณนั้นดังนั้นก็อยากให้ลองนะครับแต่ว่าอย่าระวังจนเกินไปจนไม่ได้เริ่มนะครับค่อยๆลองค่อยๆเริ่มค่อยๆทำไปแล้วก็เดินไปทีละก้าวๆเดี๋ยวก็เก่งขึ้นแน่นอนนะครับ สำหรับ Google Search นะครับอย่าลืมไปลองทำดูนะครับ

อันดับ 6 LINE@ ทำไม LINE@ ถึงสำคัญก่อนที่จะบอกว่า ทำไม LINE@ ถึงสำคัญสำหรับมือใหม่ผมอธิบายนิดนึงว่า LINE@ คืออะไรก่อนนะครับเผื่อบางท่านไม่รู้ก็ LINE เปรียบเสมือน Facebook ส่วนตัวเราเอาไว้คุยกับเพื่อน คุยกับญาติ LINE@ เหมือน Facebook Fanpage คือเอาไว้ทำธุรกิจเอาไว้คุยกับลูกค้าเอาไว้ทำการตลาดทำการประชาสัมพันธ์นะครับดังนั้น LINE@ ดีกว่า LINE ในแง่ที่ว่ามีฟีเจอร์หลายอย่าง ที่เหมาะกับการทำธุรกิจมากกว่าผมมีคลิป 7 ข้อดีของการใช้ LINE@ อยู่ใน Youtube ลองดูได้นะครับ ใน Facebook ด้วยไปลองดูได้นะครับทีนี้มาว่ากันต่อนะครับว่าทำไม LINE@ ถึงสำคัญเหตุผลก็เพราะว่าคนไทย เกือบจะ 50 ล้านคนแล้วนะครับใช้ LINE เรียกได้ว่าเกือบทุกคนเลยคุ้นชินกับการคุยกับเพื่อน ๆ คุยกับเพื่อนร่วมงาน คุยกับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน ผ่าน LINE กันทั้งนั้นดังนั้นลูกค้าอยู่ที่ไหนถ้าเราอยากธุรกิจเติบโต เราก็ต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยดังนั้น เราก็เลยต้องใช้ LINE@เพื่อที่จะดึงลูกค้าที่ใช้ LINE เข้ามาติดตามเราและเราสามารถที่จะประชาสัมพันธ์กับเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าเขาจะบล็อคเรานะครับทีนี้คุณลองจินตนาการดูว่าผมมีผู้มาเรียนท่านหนึ่งนะครับทำการตลาดใน Facebook เก่งมากเลยเป็นสายคอนเทนต์เลยนะครับก็ทำเพจเติบโตเป็นหลักแสนคนได้ในเวลาปีเดียวเองแต่ว่าเขาทำได้ตั้งแต่ก่อนมาเรียนกับผมแล้วก็ทำคอนเทนต์ได้เก่งครับแต่ก่อนประมาณปี 2560 เขาโพสต์อะไรลงไปเขาบอกกับผมเลยว่าได้ 1,000 แชร์เขายังโกรธเลยนะครับได้ 1,000 แชร์นี่คือแบบไม่ได้ยิงโฆษณานะครับแชร์แบบ organic ล้วนๆได้ 1,000 แชร์ ยังอารมณ์เสียแต่เดี๋ยวนี้ปี 2562 ได้ 100 แชร์ ก็แฮปปี้มากๆ แล้วก็จะเห็นว่าการเข้าถึงคนแบบไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณามันตกลงอย่างน่าใจหายข่าวร้ายก็คือ 1-2 ปีที่แล้วผู้เรียนท่านนี้เขาไปโฟกัส Facebook มากไปหน่อยก็เลยไม่ได้ช่องทางอื่นๆเผื่อไว้เลยก็เลยไม่ได้ทำ LINE@ เอาไว้วันนี้ปี 2562 เดือนมกราคมที่กำลังอัดคลิปอยู่เขาก็จะต้องมาสตาร์ท LINE@ ตั้งแต่ศูนย์เลยทีนี้คุณลองนึกย้อนกลับไปถ้า 2 ปีที่แล้วเขาเริ่มทำ LINE@ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเวลาเขาทำคอนเทนต์ให้ประโยชน์กับคนใน Facebook ไปเขาก็เชิญชวนหรือว่ามีเขาเรียกว่า call to action นะครับคือ hook ให้คนเข้ามาติดตามที่ LINE@ถ้าเขาเปิดบัญชี ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วทุกวันนี้ คนตาม LINE@ เขาอาจจะเป็นแสนคนแล้วก็ได้ทีนี้พอมีคนตามหลักแสนคนคุณลองคิดดูว่าสมมติว่าเราส่งข้อความไปหาทุกคนนะครับมันจะมีฟีเจอร์ เรียกว่า Broadcastคืออารมณ์ เหมือนส่ง SMS ไปหาทุกคนแสนคนถ้าเกิดว่าเราส่งข้อความขายของไปแล้วคนซื้อ 1% ก็จะได้ 1,000 ออเดอร์ สมมติว่า 1,000 ออเดอร์ราคาขายต่อบิลตกประมาณ 2,000 บาทคุณก็ลองคูณเอาแล้วกันว่ามันเป็นเงินเท่าไรก็จะเห็นว่ามันเป็น opportunity ที่ใหญ่ และสำคัญมากเลยคนไม่เคยทำอาจจะถามผมว่าเวอร์หรือเปล่าส่งไป 100 ข้อความ ซื้อ 1% จะว่าจริงๆมันก็ต่ำกว่านั้นนะที่ผมเคยวัดประมาณ 0.7% ประมาณ 0.7% ก็เยอะอยู่ดี คุณลองไปคำนวนดูเพราะว่าจริงๆเวลาเรา Broadcast ไม่ใช่เดือนหนึ่งมัน Broadcast ได้ครั้งเดียวเรา Broadcastได้ทุกวันสัปดาห์หนึ่งเรา Broadcast กี่วันก็ได้ แต่ว่าก็ต้องดูนิดนึงว่า มากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ดีแต่ว่าที่แน่ๆมันเป็นโอกาสสำคัญที่เราต้องคว้าเอาไว้แล้วก็ถ้าใครได้ติดตามก็จะรู้ว่า LINE ประเทศไทยทำธุรกิจแบบก้าวหน้าแล้วก็มีการ integrate หลายอย่างมากๆเลยคือเขามีอะไรที่เติบโตหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น LINE TV , LINE Job ,LINE TODAY ที่กำลังเข็นๆกันอยู่ดังนั้นคนใช้ LINE จะเยอะขึ้นต่อไปเรื่อยๆแล้วก็ช่องทางอื่น ๆ ที่ LINE กำลังสร้างต่อไปมันจะเป็นที่ที่เราต้องไปอยู่ตรงนั้นเหมือนกันดังนั้นให้สตาร์ทวันนี้ เริ่มที่ LINE@ เลยแล้วก็พยายามเอาคนเข้าไป Follow คุณก็พยายามเอาพวกปุ่มพวกลิงก์ ID ที่ให้คน add LINE@ คุณได้ไปอยู่ตามจุดต่างๆให้มากที่สุดอยู่ที่หน้าร้านคุณอยู่ที่หน้าเว็บไซต์อยู่ที่หน้า Facebook อยู่ที่โพสต์ Facebook ให้มันอยู่หลายๆที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อดึงคนไปติดตามในนั้นคุณจะได้สามารถทำการตลาดซ้ำๆอยากจะติดตามคุณ ด้วยความเต็มใจได้แล้วข้อความ ก็ถึงทุกคนแบบ 100% ด้วยสำหรับการ Broadcast

อันดับที่ 5 ทำโฆษณา Google แบบ GDN GDN ย่อมาจาก Google Display Network เป็นบริการโฆษณาแบบหนึ่ง ของตัว Google Adwords ที่เราสามารถที่จะไปซื้อโฆษณา เพื่อที่จะไปขึ้นที่เครือข่ายพันธมิตรของ Google ได้เครือข่ายพันธมิตรของ Google ได้แก่อะไรบ้างยกตัวอย่างเช่น Youtube เว็บไซต์ หลายๆเว็บไซต์เลยที่มีคนเข้าน้อยไปจนถึงมีคนเข้ามากสุดในประเทศหลายเว็บไซต์เรียกว่าเกือบจะทุกเว็บไซต์ในประเทศไทยเป็นพันธมิตรกับ Google ทั้งหมดนะครับ kapook.com/sanook.com/dek-d.com พวกนี้นะครับรวมไปถึงเว็บฯที่เป็นเว็บไซต์เฉพาะทางในหมวดธุรกิจของคุณนะครับยกตัวอย่างเช่นสมมติ คุณเป็นเว็บฯ อสังหาริมทรัพย์ มันก็จะมีเว็บฯ พวกเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นพันธมิตรกับ Google อยู่นะครับ ยกตัวอย่างเช่น think of living.com, DDproperty.com พวกนี้นะครับหรือว่าถ้าคุณเป็นเว็บฯเกี่ยวกับธุรกิจความสวยความงามมันก็จะมีเว็บฯที่เป็นแหล่งรวมรีวิวเรื่องของความสวยความงามที่เป็นพันธมิตรกับ Google นะครับคำถามคือ เราไปทำอะไรกับมันได้นะครับคำตอบก็คือเราไปซื้อโฆษณาแบนเนอร์ของเราหรือว่าวิดีโอของเรา ไปโผล่ตามช่องทางต่างๆเหล่านั้นได้แล้วทำไมเราถึงต้องไปซื้อตรงนั้นเพราะว่า ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราเขาไปดูเว็บฯเหล่านั้นเราขายเครื่องสำอางเราก็ควรจะเข้าไปโฆษณาในเว็บฯที่คนหาเครื่องสำอางเขาอยู่กันก็คืือเว็บเครื่องสำอางนั่นแหละเราก็ไปโผล่ตรงนั้นข้อที่ดีอย่างหนึ่งมากๆของ Google Display Network ก็คือเขาเก็บเงินเป็น Pay per click ก็คือต้องคลิกก่อนถึงจะเสียเงินนั่นหมายความว่าถ้าแบนเนอร์ของคุณ ไปปรากฎให้เขาเห็นแล้วมันไม่ได้มีคนคลิกมันมีแต่คนดูอาจจะเพราะว่าแบนเนอร์มันมีเยอะ ในเว็บฯหนึ่งถ้าเขาไม่ได้คลิกคุณก็ไม่ต้องจ่ายเงินเมื่อไรที่เขาคลิกก็อาจจะหมายถึงเขาสนใจแบนเนอร์ หรือข้อความหรือว่ารูปภาพในแบนเนอร์คุณ นเบื้องต้นแล้วเขาก็เลยกดเข้าไปดูที่หน้าเว็บมันก็เปรียบเสมือนคุณเสียเงินก็ต่อเมื่อเขาเข้ามาที่น่าร้านคุณแล้วนั่นแหละสำหรับมือใหม่ก็คงไม่ได้คิดอะไรกับการลง Google Display Network ผมแนะนำหลายคนก็อาจจะไปลองศึกษาทำตามกันดูแต่ว่าหลายคนที่เคยทำการตลาดมานานแล้ว 5 ปีขึ้นไปคงจะมีคำถามว่า Google Display Network มันเวิร์คจริงๆหรือเพราะว่าในสมัยก่อนมันไม่ได้ดีขนาดนี้มันเพิ่งจะมาดี 1-2 ปีที่ผ่านมาปี 2018 นี่เองนะครับที่มันพีคขึ้นมาดีมากๆเหตุผลที่ผมคิดว่ามันกลับมาได้ผลดีมากๆเพราะว่าหนึ่งคือ algorithm ในการที่ Google เขา target กลุ่มเป้าหมายให้เราโดยใช้พวกระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์มันมีคุณภาพมากขึ้นสูงมาก นะครับมันก็เลยทำให้เรา target คนได้ตรงขึ้นมากๆเหตุผลใหญ่ๆข้อที่ 2 เป็นเรื่องของที่ทุกคน แห่กันไปลงโฆษณาใน Facebook กันหมดโดยที่มองข้าม Google Display Network ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วปริมาณคนเล่นอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยมันเยอะขึ้นจริงๆอยู่ว่าสัดส่วนคนไปเล่น Facebook กันซะเยอะในหนึ่งวันคนเล่น Facebook กันซะเยอะแต่เราก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาเราจะหาข้อมูลอะไรต่างๆเราก็ยังไปดูเว็บไซต์อย่างเช่นพวกบล็อกเช่นพวกรีวิวอะไรต่างๆอยู่นะครับสมมติว่าวันนี้คุณจะไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองผมก็เชื่อว่านอกจากคุณไปดูใน Facebook คือเวลาเราไปดูใน Facebook ข้อมูลมันจะไม่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบคือมันไล่ไปตามฟีดแต่ว่าเวลาเราจะหาข้อมูลแบบจริง ๆ จัง ๆ เราก็ยังคง ช้เว็บไซต์พวกนี้อยู่และถ้าสมมติว่าผมเป็นโรงแรมในยุโรปหรือผมเป็น pocket wifi เป็นธุรกิจที่เอาไปใช้ที่ยุโรปได้หรือว่าขายตั๋วรถไฟ คำถามคือผมก็ควรจะไปลงโฆษณาในเว็บฯที่คนเขากำลังจะไปเที่ยวยุโรปเขาไปอ่านกันก็จะมีโอกาสที่ผมจะเปลี่ยนให้เขาจากคนที่สนใจกลายเป็นลูกค้าได้นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม Google Display Network ถึงเป็นตัวที่ ผมเอามาไว้อันดับที่ 5 ซึ่งผมจัด ranking ให้มันดีกว่า google search ซะอีก Google Search ของ Adwords แล้วก็ดีกว่า LINE@ ด้วย เพราะว่ามันเป็นตัวที่ค่อนข้างจะเป็นทะเลสีฟ้านะครับ คือ Blue ocean คือการแข่งขันยังต่ำอยู่ ในขณะที่ โอกาสที่เราจะเข้าไปทำยอดขายสูงและดีมาก ๆ นะครับจากที่ผมสอนลูกศิษย์ใน 10 รุ่นหลังแล้วก็ลูกค้าที่ดูแลกันอยู่ผลตอบรับจากการลง Google Display Networkดีแซง Facebook และ Google Search ขึ้นมาสำหรับลูกศิษย์แล้วก็ลูกค้าในหลายๆเจ้าเลยหลายๆธุรกิจ หลาย ๆอุตสาหกรรมเลยนะครับ อยากให้ไปลองศึกษาต่อยอดกันดูนะครับ สำหรับการลงโฆษณาบน Google Display Network

อันดับที่ 4 โฆษณา Google Remarking เราคุยเรื่องโฆษณา Google กันไป 2 ตัวแล้วนะครับก็คือ Search แล้วก็ GDN แต่ที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่นี้มันเหมือนเป็นการโฆษณาไปหาคนใหม่ๆที่อาจจะเคยเจอเราหรืออาจจะไม่เคยเจอเราแต่ส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่ไม่เคยเจอเรานะครับเราก็จะเข้าไปหาเขาเขามาเสิร์ช Google มาเจอเราเขาเล่นเว็บฯที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเราอยู่ก็เจอเราอันนั้นคือสองแบบที่ผมพูดถึงไปแล้วแบบที่ผมกำลังจะพูดถึงในข้อที่สี่นี้คือแบบ Remarketing ของ Google Remarketing คืออะไร? Remarketing คือโฆษณาที่ผมใช้คำว่าเป็นโฆษณาแบบ ตามหลอกหลอน ตามหลอกหลอนในที่นี้ ก็หมายถึงว่าเมื่อไรก็ตามที่ลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์คุณเขาออกจากเว็บฯไปเขาจะโดนโฆษณาแบนเนอร์ของคุณตามไปหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆทำไมโฆษณา Remarketing ผมถึงเอาไว้อันดับที่ 4 เหตุผลข้อที่หนึ่งก็คือเขามีสถิติว่า 96-99% ของคนที่เข้าไปในเว็บฯคุณครั้งแรก ไม่ตัดสินใจทำอะไรเลยนอกจากดูอย่างเดียวไม่ซื้อไม่ถามไม่ add LINE ไม่โทรดังนั้นถ้าคุณเอาแต่ทำการตลาดหาลูกค้าใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่เคยไปตามลูกค้าที่คุณเสียเงินโฆษณาได้ traffic เขาเข้ามาดูเว็บฯแล้วไปตามเขาครั้งที่สองครั้งที่สามบ้างเลยค่าเสียโอกาสของคุณ จะมีมหาศาลมาก เพราะว่า 96-99% เขาไม่ตัดสินใจในครั้งแรกเขาตัดสินใจในครั้งที่ 2 3 4 5 6 7 ดังนั้นเหมือนกับเวลาคุณอยากจะไปซื้อของออนไลน์นะครับมันมีสักกี่ครั้งที่คุณอยู่ๆก็นึกถึงสินค้านี้แล้วก็เข้าไปในเว็บฯแรกเว็บฯเดียวแล้วคุณก็ซื้อได้เลยถ้าคุณลองทบทวนกับตัวเองดูคนส่วนใหญ่เขาจะตอบว่ามันน้อยมากเพราะว่าเราต้องคิดและต้องพิจารณาแล้วมันมีหลาย state หลายสภาวะของเราสภาวะแบบยังไม่รู้จักของอันนั้นดีพอเพิ่งเริ่มหาข้อมูลสภาวะแบบยังเปรียบเทียบราคาอยู่สภาวะแบบจะเลือกแล้วสภาวะหาเจ้าที่มีโปรโมชันสภาวะแบบซื้อไปแล้วแล้วก็เสิร์ชวิธีใช้คือมันมีหลายสภาวะดังนั้นคำถามคือเราจะไปคาดหวังให้ทุกคนเข้าเว็บฯเราครั้งแรก แล้วซื้อมันเป็นไปไม่ได้ไม่ได้เป็นไปยากนะ เป็นไปไม่ได้ดังนั้นเราก็ต้องใช้ตัว Remarketingไป remind ให้เขาเห็นซ้ำในช่วงที่เขากำลังตัดสินใจอยู่สมมติว่าคนจะซื้อบ้านหรือว่าสมมติคนจะมาเรียนคอร์สผมอย่างนี้เขาดูเสร็จปุ๊บ เขาก็ต้องเลือกวิทยากรหลายท่านแล้วเขาก็ไม่ใช่แบบสมมติดต่อให้เขาเลือกผมแล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะตัดสินใจได้เร็วกันทุกคนนะครับบางคนก็รอจังหวะที่เหมาะสมก่อนรอว่างก่อนรอให้เคลียร์คิวได้ก่อนรอให้จัดสรรค์เรื่องนั้นโน้นนี้ในธุรกิจตัวเองเรียบร้อยก่อนก็จะสนใจนะครับแต่บางทีถ้าเราไม่ทำ Remarketing ไปเขาอาจจะเคยสนใจจริงแต่ถึงวันหนึ่งวันที่เขาจะตัดสินใจเขาอาจจะหาเราไม่เจอหรือลืมชื่อเรานะครับแล้วบังเอิญมีเจ้าอื่นมาโฆษณาใส่เขาเกิดเปลี่ยนใจก็อันนี้คือค่าเสียโอกาสนะครับนี่คือคำตอบว่า ทำไม Remarketing ถึงสำคัญมากจริงๆ มีอีกหลายเหตุผลเลยที่ผมอยากจะเชียร์ให้คุณทำ Remaketing เพราะว่ามันช่วยเพิ่มยอดขายได้ดีจริงๆข่าวดีอีกอย่างหนึ่งที่เหมือนกับ GDN และ Search ก็คือ Google เก็บเงินเป็น Pay per click หมายความว่าคุณจะไม่เสียเงินต่อให้เขาเห็นคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เช้ากลางวันเย็นๆสำหรับ Google ถ้าเขาไม่คลิกคุณจะไม่เสียเงินด้วยดังนั้น ข้อดีข้อที่หนึ่งคือ remind ให้เกิดการซื้อข้อที่สองคือทำให้คนจำแบรนด์คุณได้ข้อที่สามคือ สร้างความน่าเชื่อถือและของแถมที่ได้คือเขาจำคุณได้คุณดูน่าเชื่อถือเพราะเขาเห็นบ่อยแต่ถ้าเขาไม่คลิกคุณก็ยังไม่เสียเงินอีกดังนั้นอยากให้ไปลองศึกษาต่อยอดกันดูนะครับลองไปดูใน channel ผมก็ได้ มีพูดถึงตัว GDN Remarketing อีกหลายคลิปเลยอยากให้ลองดูกันนะครับ

อันดับที่ 3 การทำโฆษณา Facebook แบบ New Audience คำว่า New Audience แปลว่าอะไรนะครับคือ Audience แปลว่ากลุ่มเป้าหมายคือเวลาเราจะทำการตลาดบน Facebook เรื่องหนึ่งที่เราต้องทำความเข้าใจ และเราต้องทำงานกับมัน คือเรื่องของการ เลือกกลุ่มเป้าหมายภาษาอังกฤษ ก็คือ Audience ทีนี้ใน Facebook มี Audience 3 ประเภทใหญ่ ๆ1. New Audience 2. Custom Audience 3. Lookalike Audience สองตัวหลังไม่ต้องสนใจว่ามันคืออะไรมาดูตัวแรกก่อนก็คือ New Audience นะครับ New Audience ก็คือการที่เรารุกเข้าไปหาคนหน้าใหม่ๆที่ส่วนใหญ่แล้วเราไม่เคยเจอเขามาก่อนโดยที่เราจะเอาโฆษณาไปให้เขาเห็นยกตัวอย่างเช่น สมมติ ผมจะขายอะไรสักอย่างหนึ่ง สมมติว่าผมขายโรงเรียนกวดวิชาสำหรับเด็กมัธยมปลายนะครับดังนั้นผมก็ต้องคิดแล้วว่าผมต้องเอาโฆษณาไปให้ใครเห็นผมก็อาจจะบอกกลุ่มที่ 1 คือเด็กนักเรียน ม.ปลาย กลุ่มที่ 2 คือพ่อแม่ผู้ปกครองอันนี้คือความหมายของ New Audience ในเบื้องต้นแต่ว่าถ้าจะให้ลง detail อีกหน่อยหนึ่งก็คือว่าสมมติเราบอกว่า เด็กนักเรียน ม.ปลายนะครับจริงๆถ้าเรายิ่ง specific หรือว่าจำกัดให้กลุ่มเป้าหมายมันชัดมากขึ้นเท่าไรการทำโฆษณาของเราจะมีประสิทธิภาพและทำให้ cost effective คือเราใช้เงินได้คุ้มมากขึ้นเท่านั้นเพราะว่าการลงโฆษณาแบบ Facebook เขาเก็บเงินเวลาที่คนเห็นอาจจะต่างจาก Google เมื่อกี้แล้ว Google เก็บเมื่อคนคลิกแม้ว่าเห็นแล้วไม่คลิก Google ไม่คิดเงินแต่ Facebook นี่ไม่ใช่คือเห็นปุ๊บคิดเลยๆดังนั้นถ้าคุณยิงโฆษณาผิดกลุ่ม ผิดคนสมมติว่าคุณอยากได้เด็กมัธยม แต่คุณไปยิงเด็กม.ต้นเขาเห็นปุ๊บ Facebook เขาไม่สนใจว่าคุณจะยิงตรงหรือไม่ตรงแต่เขาเอาโฆษณาไปส่งให้คุณแล้วและเด็กม.ต้นที่ผิดกลุ่มเห็นคุณแล้วดังนั้นเขาก็จะชาร์จเงินคุณเลยแต่ของ Google คือถ้าบังเอิญ เด็กม.ต้นมาเห็นแล้วด้วยข้อความโฆษณาเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขาแล้วสมมติว่าเขาไม่คลิกแต่บางคนก็คลิกนะแต่สมมติว่าเขาไม่คลิกคุณไม่เสียเงินอันนี้คือความแตกต่างดังนั้น Facebook จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องเลือกให้ชัดว่าคุณจะเอาคนแบบไหนแค่คำว่าเด็กม.ปลาย นี่มันกว้างไปคุณต้องลงไปอีก เช่นเด็กม.ปลาย เอาโรงเรียนเอกชน รัฐบาล หรืออินเตอร์เอาเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง หรือเอาทั้งคู่ก็ไม่ผิดเอาเด็กที่ พ่อแม่ ระดับรายได้อยู่ประมาณไหน lifestyle เป็นอย่างไรเอาเด็กที่อยู่ในสายอะไร สายวิทย์-คณิต สายศิลป์ นะครับเอาเด็กที่อยู่ในจังหวัดอะไร ต้องลงรายละเอียดกับมันแล้วคุณเอารายละเอียดพวกนี้ไปเลือกใน Facebook ไปเลือกให้คุณได้คนที่คุณอยากได้ตั้งแต่แรกให้ดีที่สุดเพราะว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณจ่ายไปมันจะไปถึงคนที่ใช่มากกว่าคนที่ไม่ใช่แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่ 100% นะครับเพราะว่าต้องยอมรับว่ามันมีคนที่ลงข้อมูลไม่จริงดังนั้นไปหวังให้มัน 100% เป็นไปไม่ได้นะครับอันนี้คือผมบอกเทคนิคไปแล้วว่าทำอย่างไรมันถึงจะดีขึ้นคือถามว่าทำไมมันถึงสำคัญสำหรับโฆษณา Facebook ทำไมมันถึงสำคัญขนาดที่ผมเอามาอยู่อันดับที่ 3 เหตุผลก็เป็นเพราะว่าคนไทยติด Facebook หนักมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลกโดยเฉพาะกรุงเทพอันดับต้นๆของโลกเลยประเทศไทยก็เช่นกันดังนั้น เมื่อคนใช้เวลาอยู่บน Facebook เยอะคุณจะทำการตลาด ให้ธุรกิจคุณโตมากๆคุณก็ต้องมาโฆษณาในที่ที่คนเขาอยู่เยอะๆใช้เวลาเยอะๆถูกต้องไหมครับดังนั้นคุณก็ต้องศึกษาโฆษณาบน Facebook และไปหาลูกค้าใหม่ๆเหล่านี้รวมถึงมีคนที่เข้ามาเล่น Facebook เยอะขึ้นๆและคนเดิมที่เล่น Facebook ก็ใช้เวลาอยู่บน Facebook มากขึ้น ๆ แล้วก็ถี่ขึ้นคือในแง่ของสองปัจจัยนี้ มันทำให้ Facebook เป็นตลาดที่คุณมองข้ามไม่ได้นะครับถึงแม้ว่าในปี 2019 นี้การแข่งขันมันจะมากขึ้น ๆ จนเรียกได้ว่าเป็น Red ocean แล้วคือการแข่งขันแบบตลาดแดงเดือดแล้วก็คือการแข่งขันสูงมากแล้วแต่ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น นะครับเราก็ต้องหาวิธีสู้ในตลาดที่ถึงแม้มันจะแข่งขันสูงแต่โอกาสมันเยอะนะครับเราก็ต้องชนะในตลาดนี้ให้ได้ซึ่งการที่เราจะชนะได้ก็ย้ำว่าเราต้องเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งและเราต้องลงรายละเอียดแล้วก็ทำงานกับมันอย่างเข้มข้นนะครับผลงานที่เราทำใน Facebook มันก็จะดีขึ้นๆมันก็จะสะท้อนออกมาในเชิงของธุรกิจก็คือได้กำไรเยอะขึ้นลดต้นทุนได้ดีขึ้นยอดขายมากขึ้นธุรกิจเติบโตมีคนรู้จักได้แบรนด์ อะไรอย่างนี้มันก็จะตามพวกนี้มานะครับอยากให้ไปโฟกัสการทำโฆษณาบน Facebook โดยการหา New Audience หรือว่าลูกค้าใหม่ๆแล้วก็ค่อย ๆ ขยายผลจากจุดที่ประสบความสำเร็จต่อยอดไปเรื่อยๆนะครับเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่คุณสามารถที่จะเพิ่มยอดขายแล้วก็ทำให้ธุรกิจคุณโตขึ้นได้แน่ นะครับ

อันดับที่ 2  ทำโฆษณา Facebook แบบ Lookalike Audienceยังอยู่ที่โฆษณา Facebook นะครับและนี่ก็มาถึงอันดับที่ 2 แล้วด้วยทำไมผมถึงเอาอันนี้ไว้อันดับที่ 2 นะครับและโฆษณาแบบ Facebook Lookalike Audience มันคืออะไร สำหรับมือใหม่ ผมจะอธิบาย Lookalike แบบพอสังเขปอีกทีหนึ่งในคลิปนี้นะครับแต่จริงๆผมมีอีกคลิปหนึ่งที่ลงรายละเอียด detail กว่านี้มากๆเลยก็อยากให้ไปดูอันนั้นด้วยเพื่อความเข้าใจที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นมาลองพิจารณากันดูนะครับว่ามันคืออะไรก็คือ Lookalike หลักการมันเป็นอย่างนี้นะครับคือปัญหามันมีอย่างนี้เวลาเราลงโฆษณา Facebook แบบ New Audience ก็คือจากข้อที่ 3 เราต้องระบุกลุ่มเป้าหมายโดยการพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในช่องเขาเรียกว่า Detailed Targeting อย่างเช่นพิมพ์เรื่องความสนใจพิมพ์เรื่องอาชีพ ตำแหน่งงาน อะไรต่าง ๆพิมพ์มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนพิมพ์​โรงเรียนที่เขาจบมาซึ่งในหลายๆครั้งบางอันมันก็มีให้เลือกบางอันที่เราอยากจะได้มันก็ไม่มีให้เลือกแต่คำถามคือเวลาที่มันมีให้เลือกมันก็ดีไปแต่เวลาที่ไม่มีให้เลือกเราจะทำอย่างไรทางออกที่หนึ่งก็คือเราก็ไปเลือกอย่างอื่นที่ทดแทนกันได้ที่มันมีให้เลือกนะครับอย่างที่สองก็คือเราใช้สิ่งที่เรียกว่า Lookalike นี่แหละช่วยทีนี้ Lookalike คืออะไรนะ Lookalike ก็คือมันจะเป็นการที่เราส่งกลุ่มตัวอย่างให้ Facebook แล้วก็บอก Facebook ว่าช่วยไปหาคนแบบกลุ่มตัวอย่างนี้ให้ฉันทีเอามาให้อีกสัก 5 แสนคนเป็นอย่างต่ำนะครับอันนี้คือความหมายของ Lookalike ผมยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าผมเอาตัวเองส่งให้ Facebook เป็นระบบอัตโนมัติ เป็น AI อันนี้คือผมเป็นกลุ่มตัวอย่างผมส่งตัวเองให้ Facebook นะครับ Facebook ก็จะมาแกะ Facebook account ของผม Facebook profile ของผมว่าผมเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 31 แล้วก็จบวิศวะคอมฯ แล้วก็เคยเป็นโปรแกรมเมอร์เคยทำงานเกี่ยวกับ Internet marketing ทำเรื่องการตลาดออนไลน์เป็นเจ้าของ ธุรกิจแล้วก็ สนใจเรื่องการตลาดออนไลน์สนใจเรื่องระบบ Email marketing สนใจเรื่อง Branding เขาก็ดูจากเพจที่ผมไปติดตามเพจที่ผมไปเรียกว่ามีปฏิสัมพันธ์ดูว่าผมสนใจเรื่องการลงทุนผมจบพระจอมเกล้าธนบุรีบางมดเขาก็จะเริ่มสแกนๆนะครับก็จะออกมาปุ๊บ มีแฟนแล้ว แต่งงานแล้ว ก็ลิสต์ออกมาๆนะครับเสร็จปุ๊บ Facebook ก็จะเอาเงื่อนไขเหล่านี้ ไปหาคนที่คล้ายๆผมอาจจะแบบว่าเป็นคนสนใจการตลาดออนไลน์เหมือนกันเป็นเจ้าของธุรกิจเหมือนกันหรือว่าเป็นคนที่สนใจเรื่องการลงทุน เหมือนกันเขาก็จะไปหามาอีก 5 แสนคนทีนี้ มันดีกว่า New Audience ในข้อที่ 3. ในแง่หนึ่งในความเห็นของผมนะก็คือผมคิดว่า Facebook เขาสามารถที่จะเลือกคนได้ละเอียดกว่าการที่เรากดเลือกเองเพราะว่าการที่เรากดเลือกเองมันมีข้อจำกัดอย่างที่ผมบอกก็คือบางอันมีให้พิมพ์บางอันไม่มีแต่ว่าของ Facebook เรียกว่าทะลุทะลวงได้ทุกอย่างไม่มีข้อจำกัดถ้าเป็น Lookalike เป็น AI ของ Facebook เขาเองนะครับดังนั้นคือมันก็สามารถที่จะไปหาคนที่ ตรงกลุ่มเป้าหมายให้เราได้ดีกว่านะครับทำไมผมถึงกล้าบอกว่ามันดีกว่าเพราะว่าจากสถิติ ของการที่เรายิงโฆษณาไปแล้วได้ return มาเป็นยอดขายหรือว่ายอดทักที่ลูกศิษย์ส่งการบ้านกันส่วนใหญ่แล้วโฆษณาแบบ Lookalike จะทำผลงานได้ ส่วนใหญ่นะครับ ดีกว่า New Audience กว่าเราหาเองนะครับแต่ปัญหาก็คือว่าแล้วเราจะเอากลุ่มตัวอย่างมาจากไหนสำหรับมือใหม่คำตอบก็คือหนึ่งอาจจะเป็น Email  หรือเบอร์โทรศัพท์ของ database ลูกค้าที่เราเคยขายสินค้าไปแล้วแล้วรวบรวมเอาไว้เราสามารถเอารายชื่อ contact ตรงนี้อัปโหลดเข้าไปใน Facebook แล้วบอกว่าอันนี้คือกลุ่มตัวอย่างเพื่อไปทำ Lookalike ได้ถ้าใครมีก็ควรทำตรงนี้แต่ถ้าใครไม่มีก็ใช้อย่างอื่นอย่างเช่น เอาคนที่เคย inbox มาหาเรานะครับเอาคนที่เคยกดไลก์เพจเราถ้าคนที่กดไลก์ตรงกลุ่มเอาคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเพจเราเอาคนที่เคยดูวิดีโอของเราซึ่งก็จะเห็นว่าจากที่พูดมา Lookalike อาจจะไม่ได้เริ่มง่ายเลยซะทีเดียวคุณอาจจะต้องเริ่มจาก New Audience ไปก่อนแล้วค่อยเอาลูกค้าที่เกิดขึ้นเอาสถิติ ข้อมูลที่เกิดขึ้นเหล่านี้เอามาทำ Lookalike นะครับก็จะทำให้โฆษณา และยอดขายของคุณดีขึ้นอย่างแน่นอน

และแล้วก็มาถึงข้อสุดท้าย อันดับที่ 1 อันดับที่ผมคิดว่า ดีที่สุดในการทำการตลาดออนไลน์ ในปี 2019 สำหรับมือใหม่ นะครับ

อันดับที่ 1 ที่ว่านี้ก็คือ การทำโฆษณาแบบ Facebook แบบที่เรียกว่า Retargeting การทำโฆษณาบน Facebook แบบ Retargeting ก็คือคล้าย ๆ กับข้อที่ 4 ที่เป็น Google Remarketing ก็คือการที่เราตามไปหลอกหลอนคนที่เคยเข้ามาดูเว็บไซต์เราแล้วอันนั้นคือข้อที่ 4 ของ Google นะครับแต่ของ Facebook เราสามารถหลอนคนที่ดูเว็บไซต์เราเหมือนอย่างของ Google ก็ได้หรือเราจะหลอนคนที่เคยกดไลก์เพจเราหรือมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์เราหรือดูวิดีโอของเรานะครับหรือเซฟโพสต์เราหรือเปิด Canvas ของเรา Canvas เป็นโพสต์หน้าตารูปแบบหนึ่งหรือกรอกฟอร์มอะไรมาหาเราคือเขามีปฏิสัมพันธ์อะไรเล็กๆน้อย ๆ เราสามารถที่จะไปตามหลอนเขาได้หมดเลยคำถามคือทำไมมันถึงสำคัญนักผมก็จะให้เหตุผลเหมือนกับของ Google Remarketing นั่นก็คือข้อที่ 1 เดี๋ยวนี้เนี่ยไม่ใช่เดี๋ยวนี้ตลอดเวลาอยู่แล้วคือคนไม่สามารถที่จะเห็นอะไรทีแรกแล้วตัดสินใจซื้อได้เลยมันต้องมีการเห็นซ้ำๆเพราะว่าคนใช้เวลาตัดสินใจและ 2 ก็คือการแข่งขันทุกวันนี้มันสูงมากนะครับคือคอนเทนต์ทุกเรื่องมันมาประเดประดังอยู่บน Facebook หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องอย่างในต้นปี 2019 ก็เป็นเรื่องฝุ่นเรื่องการเมืองเรื่องข่าว เรื่องเลือกตั้ง BNK คือทุกเรื่อง ที่ไม่ใช่เรื่องธุรกิจคู่แข่งคุณอย่างเดียวหนัง Netflix รายการโน้น รายการนี้ ดาราคนโน้น ดาราคนนี้ทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างเรื่องสุขภาพ เรื่องการเรียนเรื่องลูก เรื่องเด็ก อะไรอย่างนี้ทุกอย่าง มายัดรวมกันอยู่ใน Facebook ทั้งหมดคำถามคือแล้วโฆษณาคุณยิงเหมือนเดิมคนจะเห็นเหมือนเดิมไหม?คำตอบแน่นอนก็คือมันก็จะแพงขึ้นต่อการเห็นเท่าเดิมแต่มากกว่าการแพงขึ้นก็คือคนยิ่ง lost focus เพราะว่าคอนเทนต์วันหนึ่งคือ รีเฟรชทีหนึ่งก็เห็นเรื่องใหม่เขาจะไปจำสินค้าจำแบรนด์คุณมันจะยากขึ้นยกเว้นแต่คอนเทนต์คุดีจริงๆต่อให้คอนเทนต์ดีจริงๆหรือว่าคอนเทนต์ไม่ดี Remaketing มันจะเป็นตัวช่วยเติมเต็มช่องว่าตรงนี้ก็คือในวันที่การแข่งขันมันสูงและคอนเทนต์มันถาโถมเข้ามาให้ลูกค้าคุณมหาศาลถ้ามันมีของใครสักคนหนึ่งซึ่งถ้ามันเป็นของคุณด้วยก็คือให้เขาเห็นซ้ำ ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 มันก็จะทำให้คุณ โดดเด่นขึ้นมาเหนือกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นนะครับวันใดที่เขาจะต้องใช้สินค้าคุณแบรนด์คุณจะเป็นแบรนด์แรกที่ป๊อปอัพขึ้นมาในสมองเขาถ้าคุณยิงกลุ่มเป้าหมายในข้อที่ 3 ก็คือ Facebook แบบ New Audience ตรงกลุ่มตั้งแต่แรก ผมยกตัวอย่างเช่น สมมติคุณจะขายโรงเรียนกดววิชาเด็ก ม.ปลายถ้าตั้งแต่แรก คุณดันไปยิงเด็กประถมมันก็ผิดตั้งแต่แรกแล้วคือคุณจะไปตามหลอนกี่รอบมันก็ไม่ได้ถูกไหมครับแต่ว่าถ้าตั้งแต่แรกคุณยิงเด็ก ม.ปลายแล้วเขายังตัดสินใจไม่ได้เพราะเห็นซ้ำๆสุดท้ายเขาจะซื้อหรือไม่ซื้ออีกเรื่องหนึ่งแต่เขาจำคุณได้แน่และเด็กม.ปลายก็มักจะมีเพื่อนเด็ก ม.ปลาย เขาอาจจะไม่ได้ซื้อคุณหรอกหรืออาจจะซื้อนะครับแต่ว่าถ้ามีคนถามต่อจากเขาเพื่อนเขาถามหรืออะไรอย่างนี้คุณอาจจะแบรนด์แรกๆที่เขาจะแนะนำให้เพื่อนเพราะว่าเขาไม่รู้หรอกของใครดีที่สุดมันประเมินกันยากเขารู้แต่ว่าเขาจำคุณได้เพราะเขาเห็นหลายรอบแล้วเพราะว่ามันเป็นกลไกของสมองโดยอัตโนมัตินี่ก็เป็นเหตุผล เสริมมาจากข้อที่ 4 เรื่องความสำคัญ ของการทำ Retargeting บอกได้เลยว่านาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการทำโฆษณาแบบ Remarketing ของ Google และ Retargeting ของ Facebook อีกแล้วเราต้องทำอันนี้ตอนนี้เริ่มได้แล้วนะครับผมเองใช้เทคนิคนี้ มาประมาณ 8-9 ปีแล้วตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของ Google เลยตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้โฆษณาแบบ Remarketing สำหรับลูกค้าผมทุกเจ้าที่ผมเคยดูแลรวมถึงธุรกิจตัวเองด้วยลูกศิษย์ด้วยก็ยังเรียกว่าเป็นเทคนิคที่คาดหวังผลได้พึ่งพาได้ใช้คำนี้เป็นเทคนิคที่ยังพึ่งพาได้นะครับยังคงเป็นพระเอกในใจของผมอยู่ตลอดเวลาฝากชีวิตไว้กับมันเมื่อไรยอดก็ดีตลอดเวลาดังนั้นขอให้คุณไปลองทำดูนะครับไปลองศึกษาเพิ่มเติมลองดูในเพจผมใน Youtube ผมเพิ่มเติมก็ได้สำหรับตัว Facebook แบบ Retargeting ครับและจบไปแล้วนะครับ สำหรับ TOP 11 การตลาดออนไลน์ที่ดีที่สุดในปี 2019 สำหรับมือใหม่ผมเรียง ranking ตามวิจารณญาณของผมนะครับว่าอะไรสำคัญอันดับ 11 ไล่ลงมาถึง 1 แต่อย่างไรก็ตามนะครับ คุณจำเป็นต้องใช้ หลายวิธี หลายเทคนิคร่วมกัน มันถึงจะเห็นผลนะครับสมมติผมบอกว่าอันดับหนึ่งดีที่สุด ก็คืือ Facebook Retargeting คุณไม่สามารถจะทำอันนี้อย่างเดียวได้นะคือคุณต้องทำร่วมกัน สอดประสานร่วมกันระหว่าง เทคนิคต่าง ๆ หลาย ๆ ช่องทาง นะครับ เพราะว่ามันมีเหตุผลยกตัวอย่างเช่นคุณไป Retargeting ตามหลอนคนคำถามคือคุณไม่หาคนใหม่เข้ามาเจอเพจคุณคือมันไม่มีคนใหม่มันก็มีแต่คนเดิมให้หลอนถูกไหมครับก็คือคนที่จะเห็นโฆษณาคุณก็จะมีแค่คุณ กับทีมงานลูกน้องคุณดังนั้นมันต้องใช้หลายเทคนิคร่วมกันมันถึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีนะครับอย่างไรก็ตาม ทั้ง 11 ช่องทางนี้ไปลองทำดูผมเชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นในปี 2019 นี้แน่นอนนะครับปีนี้เป็นปีที่จะว่ายากก็ยากเพราะการแข่งขันสูงขึ้นนะครับแต่ว่าจะเป็นปีที่ผมมองว่าเป็นโอกาสทองอีกปีหนึ่งของคนที่ทำการตลาดออนไลน์และธุรกิจที่เน้นรุกการตลาดออนไลน์เพราะว่ามันถึงจุดที่ทุกคนพร้อมที่จะซื้อของบนออนไลน์เกือบทุกคนแล้วเป็นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเพศไหนอายุเท่าไรระดับรายได้เป็นอย่างไรทุกคนพร้อมจะซื้อดังนั้นปีนี้ต้องเป็นโอกาสของคุณแน่นอนถ้าเดินหน้าทำไปเรื่อยๆครับสำหรับคลิปนี้ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ทำธุรกิจและทำการตลาดออนไลน์ที่เป็นมือใหม่ทุกท่านอย่างแน่นอนนะครับถ้าชอบช่วยกดไลก์ กดแชร์ กดคอมเมนต์และ อย่าลืมกดติดตามทั้ง Facebook LINE@ / Youtube channal และก็บล็อกของผมด้วยนะครับที่มีความความรู้สาระดี ๆ เหล่านี้ทำไว้มากมายเลยนะครับแล้วก็จะทำต่อไปเรื่อย ๆก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน ในวันนี้นะครับขอให้ดู แล้วก็ที่สำคัญที่สุดดูแล้วก็เอาไปปรับใช้แล้วก็เอาไปบอกต่อแนะนำคนที่คุณเห็นว่า เขาน่าจะใช้และเป็นประโยชน์ด้วยย้ำอีกทีหนึ่งนะครับสำหรับวันนี้ก็ สวัสดีครับ