Algorithm ของ Facebook ข้อหนึ่งก็คือเมื่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ กำลังสนใจที่จะซื้อสินค้าซักอย่าง เช่น กำลังจะสนใจที่จะซื้อรถเบนซ์ ตัวเค้าเองจะเริ่มเจอโพสต์ที่เกี่ยวกับรถเบนซ์ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายิ่งไปมี engagement ก็จะยิ่งเห็นถี่ขึ้นอีก…
การเล่น Facebook เหมือนชีวิตจริงอยู่เรื่องนึงครับ
ถ้าเราเห็นพวกข่าวร้าย โพสต์ในแง่ลบต่างๆ แล้วเราไปเผลอมี engagement (กด click,like,share,comment) หลังจากนั้นเราจะเริ่มเจอโพสต์ของเพจๆนั้น หรือคนๆนั้น (ที่มักพูดในแง่ลบเสมอ) แสดงให้เราเห็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ…
และถ้าเรายังเผลอมี engagement เพิ่มอีก มันก็จะยิ่งแสดงหนักขึ้นเรื่อยๆ คุณอาจจะเจอแสดง 3-4 อันพร้อมๆกันใน new feeds
ดังนั้นวิธีง่ายๆวิธีนึงที่จะทำให้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตคือ พยายามมี engagement กับโพสที่มีสาระ หรือข่าวดีๆบ่อยๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นจนวนกลับมาหาเราบ่อยขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เราคิดหรือทำอะไรในแง่บวกมากขึ้นในที่สุด
เรื่องพวกนี้ส่งผลต่อการกระทำ หรือความคิดของเราจริงๆหรือ??
ให้เราลองนึกถึงถ้าเราไปอยู่ในล็อบบี้โรงแรมหรูๆ 5 ดาว เราจะรู้สึกว่าไม่กล้าทิ้งขยะซี๊ซั๊วไปโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเราไปอยู่ในบริเวณที่รอบๆตัวมีแต่ขยะมากมาย เราจะรู้สึกว่าการทิ้งขยะอีกซักชิ้นคงไม่สร้างปัญหาอะไร
หรืออย่างในสมัยที่นิวยอร์คมีสถิติอาชญากรรมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ วิธีนึงที่แก้ปัญหาให้ลดลงอย่างฮวบฮาบคือ ทำรถไฟใต้ดินให้ดูสะอาด สะอ้านที่สุด พอรถไฟใต้ดินดูสะอาดแค่นี้โจรก็ก่ออาชญากรรมน้อยลงแล้ว เพราะมันขัดกับบริบทรอบๆตัว #อันนี้จากหนังสือ_thetippingpoint
ดังนั้นการที่เราไปอยู่ในจุดที่บริบทรอบๆตัวดี จะทำให้ตัวเราดีขึ้นไปโดยอัตโนมัตินั่นเอง!