คอร์สเงินล้าน

ผมเป็นคนนึงที่รู้สึกไม่ค่อยชอบ ชื่อหนังสือ หรือชื่อคอร์สที่มักจะมีคำว่า “เงินล้าน” อยู่

ผมเข้าใจดีว่ามันเป็นจิตวิทยา เป็น marketing ที่ดึงให้คนสนใจในตัวหนังสือ หรือตัวคอร์ส

ซึ่งการใช้จิตวิทยาตัวนี้ ในมุมมองของผมเป็นการจี้จุดเรื่อง “ความโลภ” ของกลุ่มเป้าหมาย

ซึ่งจากประสบการณ์ของผม “ความโลภ” นั้น ไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้นในการทำธุรกิจเลย

ไม่ว่าจะกับลูกค้า, supplier, partner หรือกับตัวเอง

แล้วอะไรที่ช่วยเหรอครับ? ถ้าเราไม่โลภอะไรที่จะช่วยให้เรายอดขายดีขึ้น หรือธุรกิจเราดีขึ้น?

ในความเห็นของผม หนึ่งใน “ชุดความคิด” ที่เรียบง่ายและได้ผลเร็ว และยั่งยืนที่สุด ในการทำธุรกิจก็คือ

“พุทธศาสนา” นี่แหล่ะครับ ผมคิดว่าถ้ามีชุดความคิดนึงที่คนทำธุรกิจศึกษาแล้วได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คือ “พุทธฯ”

เพราะจะช่วยให้เราทั้งเข้าใจตัวเอง เข้าใจลูกค้า เข้าใจทีมงาน เข้าใจ supplier เข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง เข้าใจปัจจัย เหตุ และผลจากเหตุ

เป็นเหมือนเข็มทิศ ในเวลาที่เราต้องตัดสินใจทั้งเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก

หลายคนอาจจะเถียงว่า ไม่จริงหรอก เมื่อเราโลภ เราก็จะมีแรงผลักดันไม่ใช่เหรอ ต่อให้เป็นแรงผลักดันที่ dark หน่อยก็เถอะ

ผมจะลองอธิบายให้ฟังนะครับ เช่น

นายโลภคุง : ตั้งโจทย์ด้วยความโลภ ตั้งเป้าว่าปีนี้จะทำยอดขายให้ได้ 100 ล้านบาท เมื่อนายโลภคุงทำธุรกิจ โลภคุงก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้เงินเร็วที่สุด ให้ได้ 100 ล้านบาท ให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน เช่น หาสินค้าที่ไม่ดีออกมาขาย, หรือใช้วิธีไม่ซื่อต่างๆ เพื่อให้ได้เงินให้เร็วที่สุด

ถ้านายโลภคุง ได้ 50 ล้านบาท (ไม่ถึงเป้า) นายโลภคุงก็จะหงุดหงิด และทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เพราะนายโลภคุงตั้งเป้าเป็นตัวเงิน ทั้งๆที่ความเป็นจริง ปีที่แล้วนายโลภคุงอาจจะได้เงินแค่ 30 ล้านบาท (คือปีนี้ได้มากกว่าตั้ง 20 ล้านบาท) หรือต่อให้นายโลภคุงตั้งเป้าได้ 100 ล้านบาท แต่เชื่อเถอะครับว่า ด้วยวิธี หรือทางลัดที่นายโลภคุงใช้ จะส่งผลเสียกลับมาทีหลัง เรียกว่ามาทั้งต้น ทั้งดอกเบี้ยอีกด้วย

ทีนี้ลองมาดู นายคิดดีคุง บ้าง

นายคิดดี : ตั้งโจทย์ว่าธุรกิจจะโตอย่างสมเหตุสมผล สมเหตุสมผลในทีนี้ นายคิดดีคุง จะพิจารณาจากตัวเองก่อน ว่าตอนนี้จุดแข็งของนายคิดดีคืออะไร อะไรที่นายคิดดี ทำได้ดีอยู่แล้ว อะไรที่นายคิดดี ต้องปรับปรุงบ้าง นายคิดดีมีพันธมิตรด้านไหนที่จะให้ความช่วยเหลือต่อยอดได้บ้าง สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันรอบตัวนายคิดดีเป็นอย่างไร ที่สำคัญ นายคิดดีจะช่วยพัฒนา หรือทำให้ชีวิตลูกค้า และพนักงานให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง? หรือถ้าให้ดีกว่านั้นจะช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง? ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่า ยอดขาย และกำไรบริษัทเติบโตอย่างสมเหตุสมผล

หากนายคิดดี ตั้งเป้าแบบนี้ ถึงแม้สิ้นปีบริษัทจะยอดไม่ถึงเป้า แต่นายคิดดี ก็จะมีแต่คนรัก มีคนสนับสนุน และมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน แต่หากธุรกิจนายคิดดี ทำยอดได้ถึงเป้า นายคิดดีก็จะไม่หลงระเริงในความสำเร็จ นายคิดดีจะมอบเครดิตให้กับทุกๆคนที่ช่วยกัน จะเห็นได้ว่า ธุรกิจของนายคิดดี ย่อมเติบโตอย่างยั่งยืนแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขมากกว่า

อย่างไรก็ตาม บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่คอร์ส หรือหนังสือใดๆทั้งสิ้น และผมเชื่อเหลือเกินว่า หลายๆท่านถึงแม้ตั้งชื่อแบบนั้น แต่ก็มีเจตนาที่ดี

โดยสรุปแล้ว จากประสบการณ์ของผม หากเรารู้ที่มาที่ไปของเงิน หากเรารู้ และเข้าใจการตลาดอย่างลึกซึ้ง ลูกค้าจะเอาเงินมาให้คุณเอง เพราะคุณมีสิ่งที่เค้าต้องการ และคุณทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้าต้องการ และเมื่อเค้าซื้อไปแล้ว เค้ารู้สึกว่าเค้าตัดสินใจถูกต้อง เค้าจึงบอกต่อ และลูกค้าก็เข้ามาหาคุณอีก

แล้วคุณล่ะครับ มีความคิดเห็นอย่างไรกับชื่อหนังสือ หรือคอร์สแบบนี้ ^^?