และก็มาถึง แก่นกระพี้ข้อสุดท้ายนะครับ ก็คือ Google Remarketing ทุกรูปแบบ ก็คล้าย ๆ กับข้อที่ 14 ก็คือ Facebook Retargeting ทุกรูปแบบนี่แหละ ทำไม Facebook Remarketing ทุกรูปแบบ ถึงสำคัญนะครับเพราะว่าทุกวันนี้ เราอยู่บนโลกออนไลน์ เราอยู่ไม่กี่ที่หรอกเราอยู่ใน Facebook เราอยู่ใน LINE เราอยู่ใน Google เราอยู่ใน mobile ของแอนดรอยด์เราอยู่ใน Youtube ดังนั้น Facebook เราใช้เวลาโดยเฉลี่ยคนไทยก็คือ มากที่สุดลองลงมาก็คือ Youtube แล้วก็ LINE แล้วก็พวก mobile application...
การทำโฆษณาบน Google/Facebook ทุกวันนี้นะครับ ผมบอกได้เลยว่า หมดยุคที่คนที่ทำไม่ค่อยจะเป็น ทำงู ๆ ปลา ๆ จะไปต่อได้แล้วนะครับ เพราะว่า คนที่ทำไม่เป็น ในเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหมือนกับว่า คุณเป็นทีฟุตบอลที่อยู่อันดับหนึ่ง ของดิวิชั่น 1 คุณยังไม่ขึ้นมาพรีเมียร์ลีกแต่ทุกวันนี้ คนทำการตลาดหรือคนทำธุรกิจส่วนใหญ่ อัพเกรดตัวเองขึ้นมา อยู่พรีเมียร์์ลีกอยู่หมดแล้ว ก็คือยุคก่อนถ้าคุณไม่เก่ง คนอื่นก็ไม่เก่งยิ่งกว่าคุณแต่ยุคนี้ คุณเก่งพอใช้ได้ แต่คนอื่นเขาเก่งมาก ดังนั้น เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเราต้องศึกษา เรื่องโฆษณาแต่ละเรื่อง ให้ลึกที่สุดผมบอกได้เลยว่า ลูกศิษย์ของผมหลายท่านที่มาเรียนและประสบความสำเร็จแบบมาก ๆ เลยนะยอดขายแบบ 7-8 หลักกันต่อเดือนพวกนี้ พวกนี้ จ่ายค่าโฆษณาส่วนใหญ่ 6 หลักกันทั้งนั้นนะครับส่วนใหญ่...
บุญบาปคูณสิบ หมายความว่าอะไร หมายความว่ายุคนี้ ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ และทำการตลาดออนไลน์ คุณต้องเข้าใจสิ่งนี้ไว้เลยว่า คุณทำบุญ คุณจะได้บุญคูณ 10 คุณทำกรรมทำบาป บาปนั้นจะคืนสนอง แบบคูณ 10 เช่นกัน และบางครั้ง ก็คูณ 100 ด้วย ต้องบอกว่าจริง ๆ สำหรับประเทศไทยต้องเรียนกันตามตรงเลยว่า บาปจะคูณเร็ว จะคูณเร็วกว่า จะคูณเยอะกว่าผมกำลังหมายถึงว่า สมมติว่า ผมมีลูกค้าท่านหนึ่งเป็นหลังคากันสาด อะไรอย่างนี้เขาทำให้ลูกค้าดีมาก บริการดีมากจนลูกค้าเขา ไปบอกต่อในพันทิปแล้วตั้งแต่ลูกค้าไปบอกต่อในพันทิปธุรกิจเขาก็ขายดี ๆ โตเอา ๆ ทุกวัน ๆจนเขาไม่ต้องทำการตลาดทางอื่นเลย อยู่ 2-3 ปี นะครับบริษัทก็โตขึ้น ใหญ่ขึ้น ๆ...
Neuromarketing คือศาสตร์ในการทำการตลาด ที่อาศัยความเข้าใจ เรื่องเกี่ยวกับสมอง และการทำงานของสมอง ที่อาศัยความเข้าใจ เรื่องเกี่ยวกับสมอง และการทำงานของสมองว่าสมองเรา มันถูกออกแบบมาอย่างไรและมันทำงานอย่างไรบ้าง เพื่อให้เราสามารถ ที่จะรู้ว่าเราจะต้องกดปุ่มไหนของสมอง ของลูกค้าเพื่อให้เขาสามารถที่จะ สนใจสินค้าเราซึ่งเรื่องนี้ เป็นศาสตร์ที่เริ่มจะแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทยซึ่งศาตร์นี้เป็นเรื่องที่เริ่มจะแพร่หลายมากขึ้นในโลกแล้วก็ในประเทศไทยนะครับเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะว่า ทุกวันนี้เราอยู่ในยุค Information overload คือ วัน ๆ หนึ่งเราเจอคอนเทนต์ ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน เยอะมาก ๆ จนเราไม่สามารถที่จะเสพ ขย้อนข้อมูลทุกอย่างที่เราเจอทั้งใน Facebook ในหนังสือ ใน LINE ที่ส่งมาทั้งวันขย้อนไม่หมด แล้วเวลาเราอยากจะรู้เรื่องอะไรสักทีหนึ่งเราไปเสิร์ชใน Google เราก็จะเจอคำตอบที่มันหลากหลายมากเลย จนเราไม่รู้ว่า เราจะเชื่ออันไหนดีผู้บริโภคทุกคน ลูกค้าของคุณทุกคนมีปัญหาแบบเดียวกัน ดังนั้นคำถามคือ ถ้าวันนี้คุณขายของชิ้นหนึ่งอยู่สมมติว่าเป็นสินค้าแม่และเด็กแล้วคุณโฆษณาลงไปใน Facebook...
ยุคนี้นะครับ มันมีสิ่งที่เรียกว่า SAAS ย่อมาจาก software as a service ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จริง ๆ มันมีมาสักพักใหญ่แล้วแหละ ผมจะอธิบายว่า software as a service มันคืออะไรนะครับ ยกตัวอย่างเช่น สมมติผมเป็นบริษัทรับทำเว็บไซต์ สมัยก่อน สิ่งที่บริษัทรับทำเว็บไซต์ทำกัน ก็คือมีลูกค้ามาจ้างทำเว็บไซต์หนึ่งเว็บไซต์แล้วเราก็คุยโจทย์ บรีฟงานกัน รับ requirement แล้วผมก็ให้ลูกน้อง ให้ทีมงานไปทำผลิตเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วก็ตรวจ proof งานกันแล้วก็ส่งมอบงานผมก็ได้เงินมา ค่าจ้างในการทำเว็บไซต์สมมติว่า 1 แสนบาทจบไปหนึ่งเคส ลูกค้ารายที่สองก็เข้ามา ก็ทำเหมือนเดิมแล้วก็ ได้มาอีกหนึ่งแสน ลูกค้ารายที่สามมา ก็วนลูปทำใหม่อีกเหมือนเดิมนะครับ ก็จะวนไปอยู่อย่างนี้ ทีนี้ถามว่า บริษัทรับทำเว็บไซต์ถ้าจะให้ยอดขายต่อปีโตขึ้นเพื่อให้บริษัทเติบโตขึ้น...