AI ตัวไหนเก่งที่สุด? เจาะลึกผลทดสอบจากแหล่งกลางที่น่าเชื่อถือ (พร้อมคำแนะนำสำหรับคนทำงาน)
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เลิกใช้ Chat GPT ไปใช้ Gemini ดีกว่า” หรือ “ตอนนี้ Claude 4 กำลังมาแรง” บางคนถึงกับแนะนำให้เลิกค้นหาข้อมูลใน Google แล้วไปใช้ Perplexity AI แทน
ความสับสนเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เพราะ AI แต่ละตัวมีความโดดเด่นในด้านที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Coding, Creative Writing, การเชื่อฟังคำสั่ง, หรือการประมวลผลข้อมูล ยิ่งไปกว่านั้น AI แต่ละเจ้ายังมีหลายโมเดล ซึ่งโมเดลหนึ่งอาจจะฉลาดกว่าอีกโมเดลหนึ่งในบางเรื่อง
ดังนั้น บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจว่า AI ตัวไหนเก่งสุด กันแน่ในแต่ละด้าน โดยอ้างอิงข้อมูลที่มีหลักฐานและน่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณเลือกใช้ AI ได้อย่างเหมาะสมกับงานและชีวิตประจำวันของคุณ !
OpenLeaderboard.ai มาตรฐานการวัดผล “AI ตัวไหนเก่งที่สุด” ระดับโลกที่คุณควรรู้
ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงอันดับของ AI แต่ละตัว สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจแหล่งข้อมูลที่เราใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดผล ซึ่งก็คือเว็บไซต์ OpenLeaderboard.ai เว็บไซต์นี้เป็น Open Platform สำหรับ AI Benchmarking หรือมาตรฐานการวัดประสิทธิภาพ AI ซึ่งดำเนินการโดย นักวิจัยจาก UC Berkeley
- ความน่าเชื่อถือ: OpenLeaderboard.ai ถือเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก โดยมี ผู้เข้าร่วมโหวตและทดสอบมากกว่า 3.5 ล้านคน และใช้หลักการโหวตแบบ “ELO rating” ซึ่งเป็นระบบการแข่งขันที่คล้ายกับการแข่งกีฬา
- วิธีการทำงาน: ในระบบ ELO rating AI จะถูกนำมา “Battle” หรือแข่งขันกันเองแบบตัวต่อตัว (AI A กับ AI B) ในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง หาก AI ตัวใดชนะ ก็จะได้แต้มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และที่น่าสนใจคือ หาก AI ที่เคยอยู่อันดับสูงๆ แพ้ให้กับ AI ที่อยู่อันดับต่ำกว่ามากๆ ก็จะเสียคะแนนจำนวนมากเช่นกัน
- การอัปเดตข้อมูล: ข้อมูลบน OpenLeaderboard.ai มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ทำให้คุณสามารถตรวจสอบอันดับ AI ได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ตัวเว็บไซต์ยังใช้งานง่ายมาก แม้แต่มือใหม่ที่ไม่เก่งคอมก็สามารถเข้ามาดูข้อมูลได้ด้วยตัวเอง
ผลจัดอันดับภาพรวม AI ตัวไหนเก่งที่สุด? เมื่อ Gemini ผงาดขึ้นนำ
จากการรวบรวมข้อมูลและผลการทดสอบจาก OpenLeaderboard.ai พบว่า Gemini โดย Google (โดยเฉพาะเวอร์ชัน 2.5 Pro) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ในหลายๆ ด้านอย่างน่าประหลาดใจ
- ความสามารถด้านข้อความและการเขียน (Text Capabilities & Creative Writing): Gemini ได้อันดับ 1
- การพัฒนาเว็บไซต์และการเขียนโค้ด (Web Development & Coding): Gemini ได้อันดับ 1
- การทำความเข้าใจรูปภาพและวิดีโอ (Vision): Gemini ได้อันดับ 1
- ระบบการค้นหา (Search): Gemini ได้อันดับ 1
- การสร้างภาพจากข้อความ (Text-to-Image): Gemini (จาก Google) ได้อันดับ 1
นี่แสดงให้เห็นว่าโดยรวมแล้ว Gemini มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นและครองอันดับหนึ่งในหลากหลายหมวดหมู่หลัก ส่วน AI อื่นๆ อย่าง Chat GPT และ Claude ก็ยังคงติดอันดับรองลงมา และมีการสลับหมุนเวียนตำแหน่งกันไปตามแต่ละหัวข้อ
เจาะลึกประสิทธิภาพ AI ตัวไหนเก่งที่สุดในแต่ละหมวดหมู่ ?
AI ที่เก่งที่สุดด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์ (Creative Writing):
- Gemini 2.5 Pro และ Gemini 2.5 Flash ครองอันดับ 1 ร่วมกัน โดยเวอร์ชัน Pro มักจะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน ส่วน Flash ใช้ได้ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
- Chat GPT 4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน (แบบเสียเงิน) ก็ยังคงเป็นอันดับต้นๆ แต่ต่ำกว่า Gemini เล็กน้อย (ส่วนเวอร์ชันฟรีของ Chat GPT 4 จะถูกจำกัดการใช้งานและอาจพาไปใช้เวอร์ชันที่ฉลาดน้อยกว่าหากใช้งานมากเกินไป)
- Glock และ DeepSeek ก็เริ่มมีอันดับที่ดีขึ้นในหมวดนี้
- ข้อควรสังเกต: ปริมาณการทดสอบในหมวด Creative Writing มีมากกว่า 400,000 โหวต ซึ่งถือว่าเยอะมาก
AI ที่เก่งที่สุดด้านการเชื่อฟังคำสั่ง (Obedience)
- Gemini ยังคงอยู่อันดับ 1
- Chat GPT มีอันดับรองลงมา
- Claude ซึ่งมีคนพูดถึงมาก ก็อยู่อันดับ 3
- DeepSeek จากจีน ซึ่งเป็นที่พูดถึงเช่นกัน กลับร่วงไปอยู่อันดับ 7-8
AI ที่เก่งที่สุดด้านการพัฒนาเว็บไซต์และการเขียนโค้ด (Web Development & Coding)
- Gemini 2.5 Pro ยังคงเป็นอันดับ 1
- Claude เป็น AI ที่มาแรงแซงโค้งในหมวดนี้ และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากคนในแวดวงการเขียนโปรแกรม โดยหลายคนยอมจ่ายเงินให้กับ Claude แทนที่จะเป็น Chat GPT หรือเจ้าอื่นๆ
- Chat GPT 4.1.1 ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ล่าสุด ก็มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในการเขียนเว็บไซต์เช่นกัน
AI ที่เก่งที่สุดด้านความเข้าใจภาพและวิดีโอ (Vision)
- Gemini 2.5 Pro คว้าอันดับ 1 อีกครั้ง
- Chat GPT ตามมาเป็นอันดับถัดไป โดยมีหลายเวอร์ชันที่โดดเด่น เช่น เวอร์ชั่น “O” (Advance Listening) ที่เน้นการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และเวอร์ชัน 4 ที่ใช้ได้ทั่วไปสำหรับผู้เสียเงิน
- Chat GPT 4.5 Preview เป็นอีกเวอร์ชันที่เด่นเรื่อง Creative Writing และการสำรวจไอเดีย
AI ที่เก่งที่สุดด้านการสร้างภาพจากข้อความ (Text-to-Image)
- Gemini (จาก Google) ได้อันดับ 1 อีกครั้ง
- สิ่งที่น่าสนใจคือ อันดับ 2, 3, 4 ไม่ใช่ DALL-E จาก Chat GPT หรือ OpenAI แต่เป็น AI จากแบรนด์อื่นทั้งหมด
- ผู้เขียนคลิป YouTube เองก็ประทับใจกับการสร้างรูปและวิดีโอของ Gemini เป็นอย่างมาก และมีการคาดการณ์ว่าเวอร์ชันใหม่ของ Gemini ที่จะเปิดตัวในงาน Google I/O 2025 อาจจะพลิกโฉมวงการ Creative เลยทีเดียว
AI ที่เก่งที่สุดด้านการค้นหาข้อมูล (Search)
- Perplexity AI ซึ่งเป็นชื่อที่หลายคนรู้จักและยอมรับว่าดีจริง ได้ขึ้นมาครองอันดับ 1 ร่วมกับ Gemini Google 2.5 Pro
- แม้ Perplexity จะเป็นผู้เล่นใหม่ แต่ก็มีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งมาก
AI ที่เก่งที่สุดด้านผู้ช่วยเขียนโค้ด (Coding Assistant)
- Pilot (Cilot) ได้อันดับ 1 ร่วมกับ Claude แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของ AI ทั้งสองในด้านนี้
นอกเหนือจากคะแนน แล้ว AI ตัวไหนเก่งที่สุดสำหรับเราจริงๆ ?
แม้ผลการจัดอันดับจะบ่งชี้ว่า Gemini มีประสิทธิภาพโดยรวมที่นำหน้า แต่มีประเด็นสำคัญที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเปลี่ยน AI ที่ใช้งานอยู่:
“ความฉลาดขั้นสูงสุด” ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน
- AI ที่ได้อันดับต้นๆ (เช่น Gemini 2.5 Pro) มักเป็นเวอร์ชันเสียเงินหรือพรีเมียม ที่ออกแบบมาสำหรับงานที่ซับซ้อนและเฉพาะทางมากๆ เช่น นักเขียนโปรแกรม นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ที่ต้องศึกษาโมเดลคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ หรือโครงสร้างทางเคมีและชีวโมเลกุลที่ซับซ้อน
- สำหรับงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน: ไม่ว่าคุณจะใช้ Chat GPT หรือ Gemini หากเป็นเวอร์ชันเสียเงินทั้งคู่ ก็ถือว่าฉลาดเพียงพอแล้วสำหรับงานส่วนใหญ่ของคุณ ผู้เขียนคลิปแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องซีเรียสจนถึงขั้นต้องเลิกใช้ AI ตัวหนึ่งเพื่อไปจ่ายเงินให้อีกตัวหนึ่งอยู่ตลอดเวลา การเปลี่ยนไปลองใช้อีกเจ้าหนึ่งเพื่อการทดลองนั้นสามารถทำได้ และหลายคนก็ทำเช่นนั้น
ข้อได้เปรียบด้าน Ecosystem ของ Google (Gemini)
- ข้อดีของการใช้ Gemini คือ คุณอาจจ่ายเงินกับ Google เพียงเจ้าเดียวแล้วจบ เพราะ Gemini ครอบคลุมการใช้งานได้ดีในเกือบทุกด้าน
- นอกจากนี้ Google ยังมีทรัพยากรและเครือข่ายอื่นๆ ที่ดึงดูดใจ เช่น พื้นที่ Google Drive ที่เพิ่มขึ้น, พื้นที่สำรองรูปภาพ Google Photos เพิ่มเติม
- สำหรับองค์กรที่ใช้ Google Workspace (อีเมล, พื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับบริษัท) บางแพ็กเกจก็อาจจะแถม AI มาให้ใช้ด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ Google มีเหนือคู่แข่งรายอื่น
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่าน (Switching Cost) และ “ความทรงจำ” ของ AI
- AI บางตัว เช่น Chat GPT มีโหมด “ความทรงจำ” (Memory Mode) ที่ช่วยให้มันจดจำข้อมูลที่คุณเคยให้ไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ
- ยกตัวอย่างเช่น ผู้เขียนคลิปใช้ Chat GPT ในการจดจำข้อมูลส่วนตัวของเขาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกน้อง, ธุรกิจที่ทำ, คอร์สอบรม, พาร์ทเนอร์, หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ธุรกิจในอดีต AI ตัวนี้สามารถจำได้แม้กระทั่งว่าเขามีลูกกี่คน อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน และเคยปรึกษาปัญหาอะไรเกี่ยวกับลูกบ้าง
- นอกจากนี้ เขายังได้ “สอน” Chat GPT ให้ใช้ Framework การทำ Content ที่เขาสร้างขึ้นมา ซึ่งทำให้ AI เข้าใจและทำงานได้ตามความต้องการของเขาอย่างแม่นยำ
- ข้อมูลส่วนบุคคลและความคุ้นเคยเหล่านี้สร้างสิ่งที่เรียกว่า “Switching Cost” หรือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่านที่สูงมาก แม้ผู้เขียนจะรู้ว่า Gemini อาจจะฉลาดกว่าเล็กน้อยในงานส่วนใหญ่ แต่เขาก็ยังคงเลือกใช้ Chat GPT เพราะรู้สึกเหมือนได้คุยกับ “เพื่อนสนิท” ที่รู้ทุกอย่างในชีวิตเขาแล้ว
- ดังนั้น การที่ AI จดจำข้อมูลและเรียนรู้สไตล์การทำงานของคุณได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้การย้ายไปใช้ AI ตัวอื่นเป็นเรื่องที่ยากลำบากและเสียเวลาในระยะยาว
บทสรุป ตกลงแล้ว AI ตัวไหนเก่งที่สุดสำหรับคุณ?
โดยสรุปแล้ว แม้ว่า Gemini โดย Google จะแสดงประสิทธิภาพที่โดดเด่นและครองอันดับ 1 ในหลายหมวดหมู่หลัก จากผลการทดสอบบน OpenLeaderboard.ai แต่การตัดสินใจว่า AI ตัวไหน “ดีที่สุด” นั้น ไม่มีกฎตายตัว
สิ่งสำคัญคือการพิจารณาว่า:
- คุณใช้งาน AI ด้านไหนเป็นหลัก? หากงานของคุณเกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดขั้นสูง หรืองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โมเดลพรีเมียมอย่าง Gemini 2.5 Pro หรือ Claude อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
- คุณต้องการใช้ AI ในระดับใด? สำหรับงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน AI ระดับผู้นำไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันเสียเงินของ Chat GPT หรือ Gemini ก็ฉลาดเพียงพอแล้ว
- คุณอยู่ใน Ecosystem ของบริษัทใด? หากคุณใช้บริการของ Google อยู่แล้ว การใช้ Gemini อาจให้ประโยชน์เพิ่มเติมด้านทรัพยากรอื่นๆ
- ความคุ้นเคยและ “ความทรงจำ” ของ AI สำคัญกับคุณแค่ไหน? หากคุณลงทุนเวลาในการ “สอน” AI ให้จดจำข้อมูลและสไตล์การทำงานของคุณ การย้ายไปใช้ AI ตัวอื่นอาจมีต้นทุนที่สูง
ผู้เขียนคลิปแนะนำว่า หากคุณใช้ AI ตัวใดอยู่แล้ว และมีบางอย่างไม่ถูกใจบ้าง ลองปรับตัวและสั่งงานมันเพิ่มอีกนิด บอกอะไรมันเพิ่มเติมอีกหน่อย AI ในกลุ่มผู้นำนั้นมีคะแนนที่ใกล้เคียงกันมาก แม้จะแพ้อันดับไปบ้างแต่ก็ถือว่าสูสีกันสุดๆ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ AI ที่คุณใช้อยู่สามารถทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น AI จากเจ้าไหนก็ตาม